นราธิวาส - เผยคนร้ายวางระเบิดดักสังหารผู้กำกับรือเสาะ พบเป็นฝีมือ “นายรอพี อุเซ็ง” และพวก ตำรวจพบหลักฐานเด็ดเป็นซิมโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้จุดชนวนระเบิด เตรียมนำตรวจสอบเพื่อขยายผลจับกุมทั้งขบวนการ
วันนี้ (5 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันทร์ดี รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส, พ.ต.อ.สะท้าน วามะสิงห์ ผกก.สส.ภ.จ.นราธิวาส และ พ.ต.ท.จักรกริช วงศ์พรมเวศน์ รอง ผกก.ป.สภ.รือเสาะ, พ.ต.ท.กระจ่าง รักษ์ณรงค์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส, ร.ต.ต.พลวัฒน์ เทพษร รอง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมเดินทางมายังสวนสาธารณะกาญจนาภิเษก ซึ่งตั้งอยู่ ม.1 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่คนร้ายจุดชนวนระเบิดเพื่อดักสังหาร พ.ต.อ.ดุลยมาน แยนา ผกก.สภ.รือเสาะ ในช่วงเย็นของวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา
ส่งผลทำให้ พ.ต.อ.ดุลยมาน ผกก.สภ.รือเสาะ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 12 ราย เพื่อตรวจสอบหาหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง ในการขยายผลไปสู่การจับกุมกลุ่มคนร้ายมาลงโทษ
และจากการค้นหาหลักฐานอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่พบซิมโทรศัพท์มือถือที่คนร้ายใช้จุดชนวนระเบิด ซึ่งอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมนำไปตรวจสอบ เพื่อขยายผลว่าซิมโทรศัพท์ดังกล่าวเป็นของใคร และมีการโทร.จุดชนวนระเบิดมาจากหมายเลขโทรศัพท์ใด และใครเป็นเจ้าของ
นอกจากนี้ จากการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พ.ต.อ.ดุลยมาน แยนา ผกก.สภ.รือเสาะ เปิดเผยว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ มีด้วยกัน 3 ชุด เป็นคนในพื้นที่บ้านกาโดะ ม.4 ต.รือเสาะออก บ้านลาโละ ม.7 ต.ลาโละ และเป็นคนในพื้นที่บ้านยะบะ ม.2 ต.รือเสาะ โดยมีนายรอพี อุเซ็ง เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ด้วยการวางแผนขว้างระเบิดแสวงเครื่องที่ผลิตใส่ไว้ในกระป๋องของปลากระป๋องใส่ศาลาริมน้ำ จำนวน 2 ลูก เพื่อล่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ
และเมื่อตน และพวกเดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดอีกลูกที่ลอบแฝงตัวมาวางไว้ริมฝาผนังข้างร้านจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป ทางเข้าประตูสวนสาธารณะกาญจนาภิเษก โดยคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ ภาพวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ภายในสวนสาธารณะกาญจนาภิเษก สามารถบันทึกภาพ 2 คนร้ายที่ขว้างระเบิดใส่ศาลาริมน้ำได้ชัดเจน โดยขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยคนร้ายสวมเสื้อสีดำ
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้นำภาพดังกล่าวไปเปรียบเทียบกับรูปพรรณของคนร้ายที่อยู่ในทำเนียบคดีความมั่นคงแล้ว และคาดว่า น่าจะรู้ว่าเป็นใคร เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป
วันนี้ (5 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันทร์ดี รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส, พ.ต.อ.สะท้าน วามะสิงห์ ผกก.สส.ภ.จ.นราธิวาส และ พ.ต.ท.จักรกริช วงศ์พรมเวศน์ รอง ผกก.ป.สภ.รือเสาะ, พ.ต.ท.กระจ่าง รักษ์ณรงค์ หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส, ร.ต.ต.พลวัฒน์ เทพษร รอง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมเดินทางมายังสวนสาธารณะกาญจนาภิเษก ซึ่งตั้งอยู่ ม.1 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่คนร้ายจุดชนวนระเบิดเพื่อดักสังหาร พ.ต.อ.ดุลยมาน แยนา ผกก.สภ.รือเสาะ ในช่วงเย็นของวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา
ส่งผลทำให้ พ.ต.อ.ดุลยมาน ผกก.สภ.รือเสาะ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 12 ราย เพื่อตรวจสอบหาหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง ในการขยายผลไปสู่การจับกุมกลุ่มคนร้ายมาลงโทษ
และจากการค้นหาหลักฐานอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่พบซิมโทรศัพท์มือถือที่คนร้ายใช้จุดชนวนระเบิด ซึ่งอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมนำไปตรวจสอบ เพื่อขยายผลว่าซิมโทรศัพท์ดังกล่าวเป็นของใคร และมีการโทร.จุดชนวนระเบิดมาจากหมายเลขโทรศัพท์ใด และใครเป็นเจ้าของ
นอกจากนี้ จากการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พ.ต.อ.ดุลยมาน แยนา ผกก.สภ.รือเสาะ เปิดเผยว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ มีด้วยกัน 3 ชุด เป็นคนในพื้นที่บ้านกาโดะ ม.4 ต.รือเสาะออก บ้านลาโละ ม.7 ต.ลาโละ และเป็นคนในพื้นที่บ้านยะบะ ม.2 ต.รือเสาะ โดยมีนายรอพี อุเซ็ง เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ด้วยการวางแผนขว้างระเบิดแสวงเครื่องที่ผลิตใส่ไว้ในกระป๋องของปลากระป๋องใส่ศาลาริมน้ำ จำนวน 2 ลูก เพื่อล่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ
และเมื่อตน และพวกเดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดอีกลูกที่ลอบแฝงตัวมาวางไว้ริมฝาผนังข้างร้านจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป ทางเข้าประตูสวนสาธารณะกาญจนาภิเษก โดยคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ ภาพวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ภายในสวนสาธารณะกาญจนาภิเษก สามารถบันทึกภาพ 2 คนร้ายที่ขว้างระเบิดใส่ศาลาริมน้ำได้ชัดเจน โดยขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยคนร้ายสวมเสื้อสีดำ
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญได้นำภาพดังกล่าวไปเปรียบเทียบกับรูปพรรณของคนร้ายที่อยู่ในทำเนียบคดีความมั่นคงแล้ว และคาดว่า น่าจะรู้ว่าเป็นใคร เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป