xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ชุมพรจับแก๊งทวงหนี้โหดรุมซ้อมน้องชายลูกหนี้สาหัส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชุมพร - ตร.ชุมพรจับแก๊งเงินกู้โหด ลูกหนี้ร้านมือถือส่งช้า รุมทำร้ายน้องชายสาหัส แล้วพังร้านเสียหายยับ แฉหน้าเลือดคิดดอกเบี้ยร้อยละ 60 จ่ายรายวัน

เมื่อเวลา 00.20 น. วันนี้ ( 16 มิ.ย.) พ.ต.ท.วิชิต ขำคชกรรณ สว.สส.สภ.เมืองชุมพร ร.ต.อ.ประพฤทธิ์ อันประสิทธิ์ รอง สว.สส. ร.ต.ต.ธวัชชัย สุวรรณฉวี รอง สวป. ควบคุมตัว นายจักรกฤษ หรือแทน มีบำรุง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/2 หมู่ 3 ต.อ่างทอง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ นายปานเพชร (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี บ้านอยู่ จ.สระแก้ว มาสอบสวนขยายผล ฐานร่วมกันให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ย เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ นายรพีพัฒน์ มีแย้ม อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43/10 หมู่ 2 ต.บางใหญ่ อ.กระบุรี จ.ระนอง พร้อม น.ส.อารีย์ วัดนิ่ม อายุ 38 ปี ภรรยา เจ้าของธุรกิจร้านขายโทรศัพท์มือถือบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าบดินทร์โรจน์พลาซา ถนนท่าตะเภา ต.ท่าตะเภา อ.เมือง จ.ชุมพร ตรงข้ามกับตลาดสดเทศบาลเมืองชุมพร เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2555 ว่า นายจตุรงค์ มีแย้ม อายุ 32 ปี น้องชายของ นายรพีพัฒน์ มีแย้ม ถูกแก๊ง หมวกกันน็อกปล่อยเงินกู้นอกระบบ พาพวกมาจำนวน 3 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน มาจอดที่หน้าร้าน แล้วบุกเข้าไปทวงหนี้และทำร้ายชกต่อยจนหน้าตาปูดบวม และร่างกายได้รับบาดเจ็บอีกหลายแห่ง นอกจากนั้นแก๊งหมวกกันน็อกยังแสดงพฤติกรรมโหดเหี้ยมป่าเถื่อนพังร้านทำลายทรัพย์สินข้าวของในร้านพังเสียหายจำนวนมากมีมูลค่าหลายหมื่นบาท

ทั้งนี้เนื่องจากขณะเกิดเหตุ นายระพีพัฒน์ กับ น.ส.อารีย์ เจ้าของร้านเดินทางไปทำธุระที่ จ.ระนอง ได้ให้นายจตุรงค์น้องชายดูแลร้าน ปรากฏว่าในช่วงค่ำเวลาประมาณ 21.00 น. แก๊งหมวกกันน็อกทวงหนี้ ได้มาเก็บเงินที่ได้กู้ยืมมาตามปกติ พบแต่นายจตุรงค์ แต่ไม่พบนายระพีพัฒน์กับ น.ส.อารีย์ เจ้าของร้านที่ยังไม่กลับจาก จ.ระนองเมื่อแก๊งทวงหนี้สอบถามนายจตุรงค์และได้บอกไปตามความจริง แก๊งทวงหนี้ตะโกนด่าว่ามึงโกหกกูแล้ววิ่งเข้าไปใช้ไม้หน้าสามที่พกมาตีตามร่างกายและชกต่อยใบหน้าจนทรุดลงกองกับพื้น แล้วทำลายข้าวของภายในร้านจนเสียหาย แล้วข่มขู่ว่าถ้าพวกมึงไม่จ่ายกูทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ก็จะอยู่กันอย่างไม่มีความสุข แล้วพากันขับ รถ จยย.หลบหนีไปอย่างไม่สนใจสายตาชาวบ้านและร้านค้าที่มีอยู่จำนวนมากในละแวกนั้น

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม นายจักรกฤษ หรือแทน มีบำรุง อายุ 23 ปี และนายปานเพชร (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี แก๊งหมวกกันน็อกทั้ง 2 คนได้ ขณะขับรถ จยย.วนเวียนอยู่ที่หน้าร้านของผู้เสียหายเพื่อจะไปเก็บเงินกู้ที่เหลือ และถูกตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ที่ติดตามพฤติกรรมอยู่บุกเข้ารวบตัวได้พร้อมสมุดบัญชีรายชื่อลูกหนี้เงินกู้จำนวนมาก รวมทั้งยึดรถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า ทะเบียน ขจธ-798 ประจวบคีรีขันธ์ จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางไปที่โรงพัก

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ไม่มีท่าทีสะทกสะท้านแถมพูดจามีท่าทีโอหังไม่สนใจเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างไร ไม่ปริปากบอกถึงนายทุนตัวการใหญ่แก๊งปล่อยเงินกู้ เพียงแต่บอกว่าเพื่อนร่วมทีมที่ลงมือทำร้ายน้องชายเจ้าของร้านขายโทรศัพท์มือถือเจ้านายได้ย้ายให้ไปทวงหนี้เก็บเงินกู้ที่จังหวัดอื่นแล้ว พวกตนไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ตำรวจได้แต่เพียงแจ้งข้อกล่าวหาว่าความผิดฐาน บุคคลใดๆ ร่วมกันให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ย เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด พร้อมส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายรพีพัฒน์ มีแย้ม เจ้าของร้านมือถือกล่าวว่า เงินที่ตนกู้มาจากนอกระบบเพาะต้องการมาหมุนเวียนในร้าน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดีทำให้ขาดสภาพคล่อง และไม่เคยคิดเบี้ยวหนี้ ตนใช้บริการหนี้นอกระบบจากกลุ่มนี้มาหลายครั้งแล้วและจ่ายตรงทุกงวด ตนมีเอกสารหลักฐานการจ่ายเงินยืนยันได้ แต่งวดที่เกิดเหตุตนไม่อยู่จริงๆ เพราะไปทำธุระที่ต่างจังหวัดกลับมาไม่ทัน ก็คิดว่าไว้จ่ายควบทีเดียว แต่มารุมทำร้ายน้องชายตน และยังทำลายทรัพย์สินในร้านตนอีก จึงยอมไม่ได้ นอกจากนี้หลังเกิดเหตุแก๊งหมวกกันน็อกยังโทรมาข่มขู่เอาเรื่องตนตลอดเวลาจนครอบครัวต้องอยู่กันอย่างหวาดผวา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบ ขณะนี้มีอยู่จำนวนมากใน จ.ชุมพร โดยมีนายทุนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ได้เข้ามาตั้งแก๊งติดประกาศเบอร์โทรไว้ตามที่สาธารณะมีให้เห็นอยู่ทั่วไปทุกพื้นที่ จ.ชุมพร โดยจะทำงานกันเป็นระบบตั้งแต่คนปล่อยเงินกู้ เก็บเงิน ทวงหนี้ และข่มขู่ทำร้ายลูกนี้ที่จ่ายไม่ตรงเวลา มีพฤติกรรมก้าวร้าว อุกอาจเย้ยกฎหมายกำลังเป็นที่หวาผวาของชาวบ้านทั่วไป จนกระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น