สุราษฎร์ธานี - สถานการณ์น้ำในแม่น้ำตาปี และคลองปิปัน ล้นฝั่งท่วมในพื้นที่อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานียังคงน่าห่วง โดยเฉพาะที่ตำบลสินเจริญยังขาดแคลนเรือท้องแบน ชาวบ้านกว่า 300 ครัวเรือน ยังคงถูกตัดขาด และไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนบ้านบางหยด หมู่ที่ 8 ตำบลอิปัน เริ่มลดระดับลงอย่างช้าๆ
วันนี้ (12 มิ.ย.) สถานการณ์น้ำในแม่น้ำตาปี และน้ำในคลองอิปัน อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ล้นฝั่งท่วมในพื้นที่ของ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ยังคงน่าห่วง น้ำยังคงไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง โดยที่ถนนสายจากตัวอำเภอพระแสงไปอำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช น้ำได้ไหลบ่าเข้าท่วมผิวจราจรช่วง กม.93 บ้านควนมหาชัย หมู่ที่ 4 ตำบลสินปุน อำเภอพระแสง ระดับน้ำสูงกว่า 80 เซนติเมตร ระยะทางยาวกว่า 500 เมตร รถเล็กผ่านไม่ได้
ด้านนายมนตรี เกื้อหนุน รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสินเจริญ กล่าวว่า ในพื้นที่หมู่ที่ 1, 2, 4, 5, 6 และหมู่ที่ 7 น้ำได้ท่วมขังสูงกว่า 3 เมตร ถนนเชื่อมหมู่บ้านเกือบทุกสายถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านกว่า 300 ครัวเรือนถูกตัดขาด ต้องใช้เรือสัญจรเพียงอย่างเดียว และเรือท้องแบนที่ใช้สัญจรก็มีอยู่ลำเดียว ใช้ทั้ง 7 หมู่บ้าน
ประกอบกับเจ้าหน้าที่ได้ทำการตัดไฟงดจ่ายกระแสไฟฟ้า จึงทำให้ไม่มีไฟฟ้า ชาวบ้านอยู่อย่างยากลำบาก แต่ส่วนใหญ่ไม่ยินยอมเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่อื่น เนื่องจากเป็นบ้าน 2 ชั้น และห่วงทรัพย์สิน ส่วนบ้านชั้นเดียวได้อพยพไปอาศัยอยู่บ้านญาติพี่น้องในพื้นที่
วันนี้ (12 มิ.ย.) สถานการณ์น้ำในแม่น้ำตาปี และน้ำในคลองอิปัน อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ล้นฝั่งท่วมในพื้นที่ของ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี ยังคงน่าห่วง น้ำยังคงไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง โดยที่ถนนสายจากตัวอำเภอพระแสงไปอำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช น้ำได้ไหลบ่าเข้าท่วมผิวจราจรช่วง กม.93 บ้านควนมหาชัย หมู่ที่ 4 ตำบลสินปุน อำเภอพระแสง ระดับน้ำสูงกว่า 80 เซนติเมตร ระยะทางยาวกว่า 500 เมตร รถเล็กผ่านไม่ได้
ด้านนายมนตรี เกื้อหนุน รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสินเจริญ กล่าวว่า ในพื้นที่หมู่ที่ 1, 2, 4, 5, 6 และหมู่ที่ 7 น้ำได้ท่วมขังสูงกว่า 3 เมตร ถนนเชื่อมหมู่บ้านเกือบทุกสายถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านกว่า 300 ครัวเรือนถูกตัดขาด ต้องใช้เรือสัญจรเพียงอย่างเดียว และเรือท้องแบนที่ใช้สัญจรก็มีอยู่ลำเดียว ใช้ทั้ง 7 หมู่บ้าน
ประกอบกับเจ้าหน้าที่ได้ทำการตัดไฟงดจ่ายกระแสไฟฟ้า จึงทำให้ไม่มีไฟฟ้า ชาวบ้านอยู่อย่างยากลำบาก แต่ส่วนใหญ่ไม่ยินยอมเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่อื่น เนื่องจากเป็นบ้าน 2 ชั้น และห่วงทรัพย์สิน ส่วนบ้านชั้นเดียวได้อพยพไปอาศัยอยู่บ้านญาติพี่น้องในพื้นที่
