นราธิวาส - เกิดเหตุคนร้ายจำนวน 6 คน ใช้อาวุธปืนอาก้า ยิงถล่มบ้านไทยพุทธในพื้นที่เขตเทศบาลตำบลปะลุรู อ.สุไหงปาดี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และ อส.และชาวบ้านได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย คาดเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.พีระพล ณ พัทลุง ผกก.สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มบ้านเลขที่ 15 ซึ่งตั้งอยู่หน้าโรงเรียนประชานุเคราะห์ เขตเทศบาลตำบลปะลุรู อ.สุไหงปาดี มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงพร้อมด้วย นายสายันต์ ชนะชัยวงศ์ นายอำเภอสุไหงปาดี และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบชาวบ้านเป็นจำนวนมากยืนจับกลุ่มกล่าววิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา พร้อมด้วยกองเลือดจำนวนหนึ่งตกอยู่ที่บริเวณเก้าอี้หน้าบ้านพัก พร้อมด้วยปลอกกระสุนปืนอาก้า ของคนร้ายตกอยู่บนถนนจำนวนกว่า 20 ปลอก ส่วนผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บพลเมืองดีได้นำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลสุไหงปาดีไปก่อนหน้าแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปดูอาการผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาล โดยผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย ทราบชื่อคือ 1.นายสุชาติ ชัยสุวรรณ อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นยามโรงเรียนมัธยมสุไหงปาดี, 2.น.ส.จรุณี สุขพิน อายุ 29 ปี ซึ่งทั้ง 2 รายถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณหน้าอก และลำตัว ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย ประกอบด้วย 1.อส.มนัส สายเสมา อายุ 46 ปี, 2.อส.สมหมาย สุขพิน อายุ 30 ปี, 3.อส.อนันต์ กมล อายุ 27 ปี, 4.นายไพบูลย์ แก้วหาญ อายุ 46 ปี เจ้าของบ้าน และ 5.นายอรัญ กมล อายุ 29 ปี ซึ่งทั้ง 5 ราย ถูกกระสุนปืนของคนร้ายตามบริเวณแขน ขา และแผ่นหลัง
จากการสอบสวนทราบว่า ในระหว่างที่ผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ กำลังนั่งดื่มน้ำชา และคุยกันที่บริเวณเก้าอี้หน้าบ้านพักของนายไพบูลย์อยู่นั้น ได้มีคนร้ายจำนวน 6 คน ขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ 3 คัน เป็นพาหนะ เมื่อถึงบริเวณจุดเกิดเหตุคนร้ายได้จอดรถจักรยานยนต์ทั้ง 3 คัน ให้คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายซึ่งมีอาวุธปืนอาก้าคนละกระบอก ยิงใส่กลุ่มผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนกว่า 20 นัดซ้อน เมื่อถูกกระสุนปืนผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บทั้ง 7 ราย ได้ล้มลงกับพื้น แล้ว อส.มนัส ได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม.ออกมายิงใส่กลุ่มคนร้าย จนกลุ่มคนร้ายได้รีบขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เพื่อสร้างสถานการณ์
เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.พีระพล ณ พัทลุง ผกก.สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มบ้านเลขที่ 15 ซึ่งตั้งอยู่หน้าโรงเรียนประชานุเคราะห์ เขตเทศบาลตำบลปะลุรู อ.สุไหงปาดี มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงพร้อมด้วย นายสายันต์ ชนะชัยวงศ์ นายอำเภอสุไหงปาดี และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบชาวบ้านเป็นจำนวนมากยืนจับกลุ่มกล่าววิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา พร้อมด้วยกองเลือดจำนวนหนึ่งตกอยู่ที่บริเวณเก้าอี้หน้าบ้านพัก พร้อมด้วยปลอกกระสุนปืนอาก้า ของคนร้ายตกอยู่บนถนนจำนวนกว่า 20 ปลอก ส่วนผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บพลเมืองดีได้นำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลสุไหงปาดีไปก่อนหน้าแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปดูอาการผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาล โดยผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย ทราบชื่อคือ 1.นายสุชาติ ชัยสุวรรณ อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นยามโรงเรียนมัธยมสุไหงปาดี, 2.น.ส.จรุณี สุขพิน อายุ 29 ปี ซึ่งทั้ง 2 รายถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณหน้าอก และลำตัว ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย ประกอบด้วย 1.อส.มนัส สายเสมา อายุ 46 ปี, 2.อส.สมหมาย สุขพิน อายุ 30 ปี, 3.อส.อนันต์ กมล อายุ 27 ปี, 4.นายไพบูลย์ แก้วหาญ อายุ 46 ปี เจ้าของบ้าน และ 5.นายอรัญ กมล อายุ 29 ปี ซึ่งทั้ง 5 ราย ถูกกระสุนปืนของคนร้ายตามบริเวณแขน ขา และแผ่นหลัง
จากการสอบสวนทราบว่า ในระหว่างที่ผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ กำลังนั่งดื่มน้ำชา และคุยกันที่บริเวณเก้าอี้หน้าบ้านพักของนายไพบูลย์อยู่นั้น ได้มีคนร้ายจำนวน 6 คน ขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ 3 คัน เป็นพาหนะ เมื่อถึงบริเวณจุดเกิดเหตุคนร้ายได้จอดรถจักรยานยนต์ทั้ง 3 คัน ให้คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายซึ่งมีอาวุธปืนอาก้าคนละกระบอก ยิงใส่กลุ่มผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนกว่า 20 นัดซ้อน เมื่อถูกกระสุนปืนผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บทั้ง 7 ราย ได้ล้มลงกับพื้น แล้ว อส.มนัส ได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม.ออกมายิงใส่กลุ่มคนร้าย จนกลุ่มคนร้ายได้รีบขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เพื่อสร้างสถานการณ์
