ฮ.ทภ.4 บินสำรวจพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติเมืองคอน ชาวบ้านตื่นเตรียมรับมือ

นครศรีธรรมราช - ฮ.ทภ.4 บินสำรวจพบพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติในเขตนบพิตำ-สิชล รอง ผอ.รมน.ภ.4 เผยตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทภ.4 แล้ว 21 ศูนย์ คลุม 14 จว.ใต้ ขณะที่ชาวกรุงชิงเตรียมพร้อมศูนย์วิทยุสื่อสารรับสถานการณ์หลังฝนตกหนักต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืน พร้อมใช้ “เหลาะ” ตีเป็นสัญญาณเตือนภัย-ชาวบ้านประชุมซักซ้อมความเข้าใจรับมือ

วันนี้ (6 มิ.ย.) พล.ต.อัยรัช ชีถนอม รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 เปิดเผยภายหลังการสรุปผลบินสำรวจพื้นที่เทือกเขาหลวงในเขต อ.นบพิตำ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เพื่อสำรวจพื้นที่วางแผนและเตรียมความพร้อมหลังจากเกิดอุทกภัยหลายพื้นที่ในภาคใต้ และมีแนวโน้มของฝนจะตกอย่างต่อเนื่องต่อไปอีกว่า พบว่า มีหลายจุดที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม

โดยเฉพาะจุดที่เกิดเหตุเมื่อครั้งที่แล้วที่ อ.นบพิตำ และ อ.สิชล เนื่องจากสภาพของพื้นดินยังมีร่องรอยของการเลื่อนไถล และขาดความยึดเหนี่ยวของผิวดินอย่างเห็นได้ชัด และบางจุดเริ่มมีน้ำป่าสีแดงเข้มไหลหลากลงมา เนื่องจากฝนตกอย่างหนัก แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่แต่อย่างใด แต่เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกัน จึงได้มีการประสานงานกับหน่วยงานราชการ และผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ 2 อำเภอดังกล่าวเพื่อร่วมกันเตรียมความพร้อมทุกด้าน

พล.ต.อัยรัช ชีถนอม รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ได้เปิดเผยว่า แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้เร่งประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม และตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 เพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกพื้นที่รวมแล้ว 21 ศูนย์ครอบคลุมทุกพื้นที่ของภาคใต้ ขณะนี้ให้ทุกหน่วยเปิดศูนย์ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะที่จังหวัดชุมพร และจังหวัดระนอง ขณะที่กำลังพลได้ออกพื้นที่ให้การช่วยเหลือ พร้อมมีการอพยพประชาชนให้ไปอยู่ในที่ปลอดภัย นอกจากนั้นยังมีการมอบถุงยังชีพพระราชทานให้แก่พี่น้องประชาชนทั้ง 2 จังหวัดเป็นการเบื้องต้นแล้ว

“ถ้าส่วนราชการ รวมทั้งพี่น้องประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบมีความเดือดร้อน ก็ขอให้แจ้งศูนย์บรรเทาสาธารภัยกองทัพภาคที่ 4 ได้ตลอด 24 ชม.ซึ่งทุกหน่วยมีความพร้อมอยู่แล้ว เพราะอุทกภัยพื้นที่ภาคใต้เกิดเป็นประจำ เรามีทั้งกำลังพล ยานพาหนะ เรือท้องแบน และเฮลิคอปเตอร์พร้อมที่ออกช่วยเหลือตลอดเวลา รวมทั้งพื้นที่ลุ่มในจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ประสบภัยเป็นประจำ ซึ่งกองทัพภาคที่ 4 มีประสบการณ์ และพร้อมตลอด 24 ชม.แล้ว”

ส่วนการบินสำรวจพื้นที่เสี่ยงโดยเฉพาะพื้นที่เคยประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่เมื่อปี 2554 ทั้งที่ ต.เทพราช อ.สิชล และ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช พบหลายจุดที่มีความเปราะบางง่ายต่อการถล่มของดินจากภูเขา หากมีปริมาณน้ำฝนตกสะสมอย่างต่อเนื่อง

โดยที่ศูนย์วิทยุสื่อสารเครือข่ายเฝ้าระวังภัยพิบัติและช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรุงชิง อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราชนั้น สมาชิกของศูนย์ได้จัดเตรียมความพร้อมด้านการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายวิทยุเครื่องแดง ในกรณีไฟฟ้าดับศูนย์แห่งนี้จะมีไดนาโมปั่นไฟในยามฉุกเฉินพร้อมทั้งถ่านไฟฉายสำรองอีกเป็นจำนวนมาก ขณะที่ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ส่วนสมาชิกเครือข่ายที่กระจายอยู่ตามชุมชนสำคัญต่างๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นพื้นที่เคยประสบภัยพิบัติได้ติดต่อผ่านวิทยุรายงานระดับปริมาณน้ำฝน และระดับน้ำในลำธารสายต่างๆ บนหุบเขาในตำบลกรุงชิงเข้ามายังศูนย์ตลอดเวลา

นายประสาน แก้วมี กรรมการเครือข่ายเฝ้าระวังภัยพิบัติ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรุงชิง เปิดเผยว่า สมาชิกเครือข่ายต่างเตรียมความพร้อมเฝ้าระวังบริเวณต้นน้ำต่างๆ หากมีน้ำป่าที่เสี่ยงต่อการเกิดภัยพิบัติ และปริมาณฝนที่ตกหนักจนส่งผลกระทบจะมีการรายงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนในชุมชนนั้นจะมีการใช้ “เหลาะ” หรือเกราะไม้ในการตีแจ้งเป็นสัญญาณเตือนเป็นจังหวะ ซึ่งชาวบ้านในกรุงชิงจะรู้ว่าสัญญาณเสียงแบบไหนจะเป็นสัญญาณเตือนภัยแบบไหนจะเป็นสัญญาณเรียกประชุม

หลังจากนั้น สัญญาณเหลาะ หรือเกราะไม้ได้ถูกตีอย่างต่อเนื่องจังหวะ 3 ลา เพื่อเรียกประชุมชาวบ้านที่ต่างทยอยฝ่าสายฝนมารับฟังถึงข้อสนทนาต่างๆ ของชุมชนเพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดสถานการณ์ภัยพิบัติขึ้น ซึ่งเป็นการประชุมซักซ้อมอย่างต่อเนื่องไม่เคยเว้นหลังจากภัยพิบัติครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเมษายน 2554 ที่ผ่านมา

วส่วนเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ ได้ขึ้นบินสำรวจพื้นที่เทือกเขาหลวง อำเภอนบพิตำ นครศรีธรรมราช พบว่ามีหลายจุดที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดน้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะจุดที่เกิดเหตุเมื่อครั้งที่แล้ว เนื่องจากสภาพของพื้นดินยังมีร่องรอยของการเลื่อนไถล และขาดความยึดเหนี่ยวของผิวดินอย่างเห็นได้ชัด และบางจุดเริ่มมีน้ำป่าสีแดงเข้มไหลหลากลงมา เนื่องจากฝนตกอย่างหนักแต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่