ยะลา - นักวิชาการยะลา ชี้หาก พ.ร.บ.ปรองดองผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ต้องเกิดความขัดแย้งขึ้นแน่นอน อยากให้มองถึงอนาคตของชาติ สอนปรองดองกับนิรโทษกรรม ต่างกันเพียงวลีเท่านั้น ประชาชนมอบความไว้วางใจให้ 600 ชีวิต กำหนด 60 ล้านชีวิต และอนาคตของประเทศชาติ
เวลา 14.00 น.วันนี้ (31 พ.ค.) ที่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา ผศ.ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา กล่าวถึงเรื่อง พระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ หรือ พ.ร.บ.ปรองดอง ที่ทางนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฐานะแกนนำคนเสื้อแดง พร้อมด้วย ส.ส.เสื้อแดง พรรคเพื่อไทย ได้ร่วมยื่นร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ หรือ พ.ร.บ.ปรองดอง ต่อนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ที่อาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น
ซึ่งหากพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ หรือ พ.ร.บ.ปรองดอง ผ่านออกมา สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น คือ ความสับสนวุ่นวาย ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นมา ฉะนั้น ตนเองไม่อยากให้มีการเร่งรัด อยากจะให้มีการพูดคุยกันของทุกๆ ฝ่ายที่มีความเกี่ยวข้องอย่าใช้เสียงข้างมากในการตัดสินความปรองดองโดยใช้กฎหมายเป็นตัวตั้ง ตนเองอยากจะให้มองถึงอนาคตของประเทศชาติ ผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นตัวตั้ง อย่ามองไปถึงผลประโยชน์ของกลุ่มบางกลุ่ม หรือคนบางคน ต้องมองถึงอนาคตของลูกหลานในอนาคตว่า ถ้าออกกฎหมายนี้ขึ้นมา สิ่งเหล่านี้จะเอื้อประโยชน์แก่ลูกหลานของเราหรือไม่อย่างไรมากกว่า กับกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์ที่ไม่ถูกต้อง
คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ยังกล่าวอีกว่า ถ้าให้มองถึงความแตกต่างของ พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ กับการนิรโทษกรรมมีความใกล้เคียงกันมาก จะมีที่เปลี่ยนก็แค่วลี หรือคำเท่านั้นเอง จริงๆ แล้วการปรองดองนั้น สิ่งที่สำคัญ คือ การเน้นเรื่องความสัมพันธ์ของคน เมื่อมีการตั้งต้นแล้ว สารตั้งต้นระบบคิดของแต่ละคน ก็มีความแตกต่างกันอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ของคนที่มาคิดเหล่านี้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก
ฉะนั้น ความปรองดองจะเกิดขึ้นได้ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ ความเอื้ออาทร และคุณธรรมของบุคคลที่จะมาพูดคุยกันนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผลประโยชน์ของชาติสำคัญกว่าผลประโยชน์ของผู้ใดทั้งสิ้น ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องมีการคำนึงให้มากว่า เมื่อมีหน้าที่โดยตรงแล้ว ประชาชนมอบความไว้วางใจให้ 600 คน 600 ชีวิต ในการตัดสินชะตากรรมของประเทศชาติแล้ว แต่ยังมีคนอีก 60 ล้าน และอีก 40 กว่าล้านคนที่ยังอยู่ตรงกลาง คนเหล่านี้ก็เป็นคนที่มีความสำคัญที่จะตัดสินอนาคตของชาติอีกด้วย