xs
xsm
sm
md
lg

ร้านทองตรังซบเซาหลังราคาร่วงลงอย่างต่อเนื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตรัง - ร้านทองต่างๆ ในเขตเทศบาลนครตรัง ซบเซา หลังจากที่ราคาทองได้ร่วงลงมาค่อนข้างมาก ชี้ตลาดซื้อขายโดยตลอดทั้งปีนี้น่าจะไม่คึกคัก ผลจากสภาพเศรษฐกิจทั้งใน และต่างประเทศ

วันนี้ (30 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสำรวจสถานการณ์การซื้อขายทองคำ ภายในร้านทองต่างๆ ในเขตเทศบาลนครตรัง ซึ่งปรากฏว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยความซบเซาอย่างมากพอสมควร หลังจากที่ราคาทองได้ร่วงลงมาถึงบาทละประมาณ 1 พันบาท ทำให้มีลูกค้าเข้าไปใช้บริการตามร้านทองต่างๆ ค่อนข้างจะบางตา ซึ่งแตกต่างไปจากช่วงก่อนหน้านี้ ที่แม้ว่าราคาทองจะพุ่งสูงขึ้นถึงบาทละ 25,000 บาท แต่ก็ยังคงมีลูกค้าเข้าไปใช้บริการกันอย่างหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ซื้อ กลุ่มผู้ขาย หรือกลุ่มผู้จำนำ

นายบุญชู ศัยศักดิ์พงษ์ เจ้าของร้านทองตุ้นเฮงหลี และรองประธานชมรมร้านทองจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ผลพวงจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มจะย่ำแย่ลง โดยเฉพาะในประเทศทั้งกลุ่มยุโรป และเอเชีย ทำให้นักลงทุนแห่กันไปซื้อพันธบัตร ที่มีความมั่นคงมากกว่าการซื้อทอง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่า ประกอบกับเศรษฐกิจไทยเองก็กำลังเจอผลจากกระทบจากหลายๆ ปัจจัย และยังตรงกับช่วงเปิดเทอมใหม่ ประจำปี 2555 ด้วย ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่มีภาระค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง จึงไม่มีเงินออมเหลือมาซื้อทองอย่างเช่นปกติ

พร้อมคาดการณ์ว่า ราคาทองจะร่วงลงไปอีกประมาณบาทละ 1 พันบาท หรือจะมีราคาอยู่ที่ประมาณบาทละ 22,000 บาท ซึ่งทำให้ภาวการณ์การซื้อขายทองในช่วงนี้ซบเซาลงไปมากพอสมควร เนื่องจากลูกค้าต่างมีความกังวลกับความผันผวนด้านราคา นอกจากกลุ่มที่มีเงินเก็บในระยะยาวจริงๆ ทำให้ผู้ซื้อหดหาย เพราะเกรงว่าราคาจะลดต่ำไปกว่านี้อีก ส่วนผู้ขายก็หวั่นใจ เพราะหากขายไปก็มีโอกาสขาดทุนสูง แต่ยังหวังว่า ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้ อาจจะมีข่าวดี หรือมีปัจจัยบวกที่ทำให้ราคาทองขยับตัวขึ้นมาสูงขึ้นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ตลาดซื้อขายทองโดยตลอดทั้งปี 2555 นี้ เชื่อว่าน่าจะไม่คึกคัก ซึ่งเป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยแตกต่างไปจากเมื่อปี 2554 ที่มีภาวการณ์การซื้อง่ายขายคล่องมาก ทำให้ขณะนี้ร้านทองต่างๆ ในจังหวัดตรัง ไม่ค่อยเคลื่อนไหวอะไรทางธุรกิจมากนัก โดยเฉพาะการกว้านซื้อทองมาเก็บไว้จำนวนมากๆ เพื่อหวังเก็งกำไร เพราะอาจมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้สูงในปีนี้ เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภค และนักลงทุนเปลี่ยนไป
กำลังโหลดความคิดเห็น