สงขลาเปิดอบรมพัฒนาศักยภาพการสอบสวนคดีอาญาแก่ พนง.สอบสวนฝ่ายปกครอง

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดโครงการพัฒนาศักยภาพการสอบสวนคดีอาญาในอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง เพื่อให้ดำเนินการสอบสวนคดีอาญาที่มีอัตราโทษไม่ร้ายแรงได้อย่างรวดเร็ว เป็นธรรม

วันนี้ (16 พ.ค.) ที่โรงแรมบีพี สมิหลา บีช รีสอร์ท สงขลา นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพการสอบสวนคดีอาญาในอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง รุ่นที่ 2 เพื่อพัฒนาให้ความรู้ เพิ่มศักยภาพ และซักซ้อมแนวทางปฏิบัติให้แก่พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองทุกคนที่ปฏิบัติงานอยู่ ณ ที่ว่าการทุกอำเภอ และพนักงานฝ่ายปกครองที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่จังหวัด

โดยทำการฝึกอบรม จำนวน 2 รุ่น รุ่นละ 80 คน รุ่นที่ 1 ทำการฝึกอบรมไปแล้วเมื่อวันที่ 14-15 พฤษภาคม 2555 สำหรับวันนี้เป็นการอบรมรุ่นที่ 2 โดยจะฝึกอบรม ตั้งแต่วันที่ 16-17 พฤษภาคม 2555

นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้ออกกฎกระทรวง กำหนดการสอบสวนความผิดอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร โดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง พ.ศ.2554 ขึ้น เพื่อให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองซึ่งปฏิบัติงานอยู่ ณ ที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ ได้มีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวนคดีอาญาที่มีอัตราโทษไม่ร้ายแรง เป็นความผิดที่สามารถดำเนินการเปรียบเทียบได้ หรือเป็นความผิดที่ดำเนินการสอบสวนได้อย่างรวดเร็ว เป็นธรรม ส่งผลให้ประชาชนได้รับสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ด้วยการพิจารณาอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และเป็นธรรม ภารกิจดังกล่าว จึงเป็นบทบาทหน้าที่ที่สำคัญยิ่งของพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองอีกบทบาทหนึ่ง ที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญ และที่กฎหมายกำหนด

ทางจังหวัดให้ความสำคัญเกี่ยวกับความเป็นธรรมของประชาชน การบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เป็นหน้าที่อันสำคัญยิ่งของกระทรวงมหาดไทย บทบาทและอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองจึงเป็นบทบาทหน้าที่ที่สามารถทำให้ภารกิจของกระทรวงมหาดไทยสำเร็จตามเป้าหมายได้ การสอบสวนคดีอาญาบางประเภทโดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง ส่วนใหญ่เป็นความผิดที่รัฐเสียหาย สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน หากสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ประชาชนได้ จะทำให้สังคมมีความสงบสุข

พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้กล่าวเน้นย้ำกับผู้เข้ารับการอบรมว่าขอให้ทุกคนให้ความสำคัญ ตั้งใจในการฝึกอบรม และนำความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม โดยอย่าใช้อำนาจเพื่อสร้างความชอบธรรม แต่ให้ใช้ความชอบธรรมเพื่อสร้างอำนาจ เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข รักษาความสงบเรียบร้อยให้พื้นที่ได้อย่างแท้จริงต่อไป