ตรัง - แผงขายเนื้อหมูเมืองตรังซบเซา หลังเจอผลกระทบหลายด้าน ขณะที่ราคาพุ่งถึง กก.ละ 140 บาท เหตุจากไม่มีฟาร์มเลี้ยงในพื้นที่ จนต้องสั่งหมูจากที่อื่น ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสูง
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสำรวจสถานการณ์การซื้อขายเนื้อหมู ในตลาดสดเทศบาลนครตรัง ในช่วงระยะนี้ โดยพบว่า เขียงจำหน่ายเนื้อหมูหลายแห่งค่อนข้างที่จะเงียบเหงา อันเป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะดีนัก ประกอบกับยางพารา ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของภาคใต้ ก็มีราคาตกต่ำลงมา และยังตรงกับช่วงเปิดภาคเรียน หรือเปิดเทอมแรกของปีการศึกษา 2555 ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองมีภาระค่าใช้จ่ายสูง
นายจรัญ ทองพันธุ์ หรือโกรัญ พ่อค้าเขียงจำหน่ายเนื้อหมูรายใหญ่ ในตลาดสดเทศบาลนครตรัง กล่าวว่า ยอดขายหมูในช่วงนี้ไม่ค่อยดีนัก เพราะผู้คนมีกำลังซื้อลดลง ทั้งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ยางพารามีราคาตก และตรงกับช่วงเปิดเทอมด้วย ผู้คนจึงต้องประหยัดมากขึ้น และซื้อเนื้อหมูไปรับประทานน้อยลง แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้ สถานการณ์ต่างๆ น่าจะกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง
โดยขณะนี้ ราคาเนื้อหมูอยู่ที่กิโลกรัมละ 130-140 บาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆ อย่างพื้นที่ใกล้เคียงในภาคใต้ด้วยกัน เช่น พัทลุง นครศรีธรรมราช ก็มีความได้เปรียบตรงที่มีเกษตรกรเลี้ยงหมูกันจำนวนมาก ขณะที่จังหวัดตรัง นอกจากจะไม่มีฟาร์มเลี้ยงหมูแล้ว ยังอยู่ห่างไกลจากแหล่งผลิตในพื้นที่ภาคกลางด้วย จึงมีต้นทุนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะค่าขนส่งที่สูง ทำให้ชาวตรังต้องกินเนื้อหมูแพงกว่าที่อื่น
ส่วนผู้ประกอบการเอง ขณะนี้ก็มีกำไรลดน้อยลง ซึ่งเฉลี่ยแล้วหมู 1 ตัว จะได้กำไรประมาณ 800 บาท แต่ต้องแบ่งไปให้ลูกจ้างที่ทำหน้าที่ชำแหละหมู อีกตัวละ 300 บาท จึงเหลือกำไรแค่เพียงตัวละ 500 บาทเท่านั้น ซึ่งกว่าจะขายหมดในแต่ละตัวต้องใช้เวลาไม่น้อย เพราะลูกค้ามีกำลังซื้อในจำนวนที่จำกัดมากขึ้น จึงอยากให้ทางรัฐบาลมาช่วยดูแลผู้ประกอบการด้วย โดยขอให้อยู่กันได้ทั้ง 2 ฝ่ายตามความเหมาะสม