นครศรีธรรมราช - ชาวบ้านยันเหตุแผ่นดินทรุดตัดทางเข้าออกหมู่บ้าน เกิดจากขุดลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า นายกเทศมนตรีโบ้ยเริ่มทรุดโทรมมานานแล้ว รับเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเปิดทางเข้าออกใหม่ เตรียมประสานกรมเจ้าท่าทำแนวเขื่อนป้องกันตลิ่ง
หลังจากถนนคอนกรีตทางเข้าหมู่บ้านชลวิจิตร ริมถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เกิดการทรุดตัวอย่างรุนแรงเป็นทางยาวต่อเนื่องนับ 100 เมตร จนตัดทางเข้าออกหมู่บ้านไม่สามารถใช้การได้อย่างสิ้นเชิง โดยเบื้องต้นนั้นเชื่อว่า สาเหตุเกิดจากการขุดลอกคลองจนลึกส่งผลให้ดินที่อยู่ใต้ถนนคอนกรีตไหลลอดคานกั้นตลิ่งลงไปอยู่ในคลองอย่างต่อเนื่องจนเกิดการทรุดตัว และถล่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด วันนี้ (14 พ.ค.) นายสุจินต์ พิมเสน รองนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช รักษาการในตำแหน่งนายกเทศมนตรี พร้อมด้วยทีมผู้บริหารได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ซึ่งพบว่า แนวการทรุดตัวได้ขยายวงกว้างเพิ่มมากขึ้น บางจุดลึกกว่า 3 เมตร แนวทรุดตัวได้จ่อหน้าบ้านของประชาชนในย่านดังกล่าวหลายหลัง และหากแนวโน้มการทรุดตัวยังไม่หยุดลงจะส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชนอย่างแน่นอน
นายภูเทพ การัยภูมิ อายุ 48 ปีชาวหมู่บ้านชลวิจิตร เปิดเผยว่า ตนเองเป็นบ้านหลังแรกที่ย้ายมาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้กว่า 10 ปี การทำถนนและเขื่อนกั้นตลิ่งออกแบบทำไว้อย่างดี มีเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กมีคานคอนกรีตรองรับเรียบร้อย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดการทรุดตัวอย่างต่อเนื่องเริ่มขึ้นเมื่อ 3-4 ปีก่อน มีการขุดลอกคลองให้ลึกลงไปเรื่อยๆ และขุดดินที่อยู่หน้าเขื่อนกั้นตลิ่งออกไปจนลึกไปถึงคานสันเขื่อน และเมื่อถูกน้ำชะล้างเอาดินออกไปเรื่อยๆ จึงกลายเป็นปัญหาใหญ่อย่างที่เห็น
“เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งที่ลำคลองลึกอยู่แล้ว ยังมาขุดลอกอีก ขุดแล้วขุดอีก ลงไปจนลึกแล้วดินที่อยู่หลังเขื่อนกั้นตลิ่งที่ไหนจะเหลือมันก็ยิ่งพังไปอย่างต่อเนื่อง ผมพยายามเตือนเจ้าหน้าที่เทศบาลแล้ว เขาก็ไม่ฟังจุดไหนที่ปลูกต้นไม้ไว้สังเกตได้ว่าจะไม่พัง ยิ่งขุดลอกมันก็ยิ่งพัง” นายภูเทพกล่าว
นายสุจินต์ พิมเสน รองนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช รักษาราชการในตำแหน่งนายกเทศมนตรี เปิดเผยว่า ต้องยอมรับกันก่อนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นปัญหาสะสมที่มานานหลายปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมีมาในคณะบริหารชุดนี้ ไม่ใช่มาในสมัย ผศ.เชาวนวัศน์ เสนพงศ์ ปัญหาต่อมาคือ ที่ดินที่เป็นถนนที่เกิดเหตุยังเป็นที่ดินที่ไม่มีการอุทิศให้เป็นทางสาธารณะอย่างเป็นทางการกับเทศบาลนครนครศรีธรรมราช จึงเป็นปัญหาในทางกฎหมายต่อการเบิกจ่ายงบประมาณมาซ่อมแซม สตง.มาตรวจแล้วใครจะรับผิดชอบ
“อย่างไรก็ตาม ในทางการแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนซึ่งเทศบาลก็ทิ้งไม่ได้นั้นจะต้องดำเนินการขณะนี้คือ เปิดทางเข้าออกโดยใช้ถนนลูกรังทางฝั่งทิศเหนือของหมู่บ้าน ซึ่งจะประสานกับเจ้าของที่ดินเป็นการชั่วคราว และต่อมาคือ การป้องกันไม่ให้การพังถล่มลุกลามไปถึงแนวบ้านเรือนของประชาชน โดยจะใช้เข็มไม้สนมาปักแล้วใช้แผ่นเหล็กประคองดินไม่ให้ทรุดพังลงมาอีกเป็นการชั่วคราว ส่วนเขื่อนกั้นตลิ่งนั้นกำลังเตรียมการหารือกับกรมเจ้าท่าในการดำเนินการ ซึ่งทราบว่าต้องใช้งบประมาณสูงมากถึงเมตรละประมาณ 6 หมื่นบาท จะต้องใช้งบสูงถึงราว 20-30 ล้านบาทเลยทีเดียว” นายสุจินต์กล่าว