ตรัง - พืชผักเมืองตรังแพงขึ้นกว่าเดิมถึง 10-20% แม้กระทั่งชนิดที่ปลูกกันง่ายๆ อย่างตะไคร้ พ่อค้าแม่ค้าโวยรัฐบาลแก้ปัญหาล้มเหลว พร้อมห่วงราคาพืชผักอาจจะเพิ่มขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้เดินทางไปสำรวจสถานการณ์การซื้อขายพืชผัก ในตลาดสดเทศบาลนครตรัง โดยล่าสุดพบว่า แผงต่างๆ ไม่ค่อยจะคึกคักเท่าที่ควร และมีผู้คนไปซื้อหาสินค้าในจำนวนที่บางตา ซึ่งเป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันพืชเศรษฐกิจหลักอย่างยางพารา ก็มีราคาตกต่ำ ทำให้ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดผลกระทบมาถึงการจับจ่ายใช้สอย
นางมนฤดี ไชยเดช แม่ค้าแผงจำหน่ายพืชผักรายใหญ่ ในตลาดสดเทศบาลนครตรัง กล่าวว่า ขณะนี้พืชผักแพงขึ้นกว่าเดิมชนิดละ 10-20% เช่น ผักกาดขาว จาก กก.ละ 35 บาท เป็น กก.ละ 50 บาท ถั่วฝักยาวจาก กก.ละ 30 บาท เป็น กก.ละ 50 บาท ผักกวางตุ้ง จาก กก.ละ 25 บาท เป็น กก.ละ 35 บาท ผักคะน้า จาก กก.ละ 50 บาท เป็น กก.ละ 60 บาท
เผือก จาก กก.ละ 40 บาท เป็น กก.ละ 60 บาท ต้นหอม จาก กก.ละ 60 บาท เป็น กก.ละ 90 บาท ขึ้นฉ่าย จาก กก.ละ 80 บาท เป็น 120 บาท ผักชี จาก กก.ละ 80 บาท เป็น กก.ละ 120 บาท หัวผักกาดขาว (หัวไชเท้า) จาก กก.ละ 25 บาท เป็น กก.ละ 40 บาท แม้กระทั่งพืชผักพื้นบ้านที่ปลูกกันง่ายๆ อย่างตะไคร้ ยังเพิ่มขึ้นจากมัดละ 20-30 บาท เป็นมัดละ 90 บาท
สำหรับสาเหตุที่พืชผักมีราคาแพงมากนั้น มีสาเหตุมาจากภัยธรรมชาติ และโรคระบาด ซึ่งเกิดขึ้นในแหล่งเพาะปลูกสำคัญทางพื้นที่ภาคกลาง ทำให้พืชผักเกิดความเสียหายไปจำนวนมาก นอกจากนั้น ยังเป็นผลมาจากความต้องการที่พุ่งสูงขึ้น แต่ทางผู้ค้าสามารถผลิตพืชผักได้ในจำนวนจำกัด ส่งผลให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงมากขึ้น จึงจำเป็นต้องซื้อพืชผักในปริมาณที่ลดลง
นางมนฤดี ยอมรับว่า การจำหน่ายพืชผักในช่วงนี้ลำบากมาก เพราะลูกค้าต่างบ่นว่าย่ำแย่ และซื้อสินค้าน้อยลง ขณะที่ทางรัฐบาลกลับบอกว่า ขออย่าให้ประชาชนวุ่นวาย หรือตกใจกับราคาสินค้าแพงกันไปเอง แต่หารู้ไม่ว่า แท้จริงแล้วขณะนี้ทุกอย่างเป็นอย่างไรแล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการแก้ปัญหาที่ล้มเหลว และยังห่วงอีกว่าในเร็วๆ นี้ราคาพืชผักอาจเพิ่มขึ้นอีก เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรมากระหน่ำซ้ำเติมอีก
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้เดินทางไปสำรวจสถานการณ์การซื้อขายพืชผัก ในตลาดสดเทศบาลนครตรัง โดยล่าสุดพบว่า แผงต่างๆ ไม่ค่อยจะคึกคักเท่าที่ควร และมีผู้คนไปซื้อหาสินค้าในจำนวนที่บางตา ซึ่งเป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันพืชเศรษฐกิจหลักอย่างยางพารา ก็มีราคาตกต่ำ ทำให้ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดผลกระทบมาถึงการจับจ่ายใช้สอย
นางมนฤดี ไชยเดช แม่ค้าแผงจำหน่ายพืชผักรายใหญ่ ในตลาดสดเทศบาลนครตรัง กล่าวว่า ขณะนี้พืชผักแพงขึ้นกว่าเดิมชนิดละ 10-20% เช่น ผักกาดขาว จาก กก.ละ 35 บาท เป็น กก.ละ 50 บาท ถั่วฝักยาวจาก กก.ละ 30 บาท เป็น กก.ละ 50 บาท ผักกวางตุ้ง จาก กก.ละ 25 บาท เป็น กก.ละ 35 บาท ผักคะน้า จาก กก.ละ 50 บาท เป็น กก.ละ 60 บาท
เผือก จาก กก.ละ 40 บาท เป็น กก.ละ 60 บาท ต้นหอม จาก กก.ละ 60 บาท เป็น กก.ละ 90 บาท ขึ้นฉ่าย จาก กก.ละ 80 บาท เป็น 120 บาท ผักชี จาก กก.ละ 80 บาท เป็น กก.ละ 120 บาท หัวผักกาดขาว (หัวไชเท้า) จาก กก.ละ 25 บาท เป็น กก.ละ 40 บาท แม้กระทั่งพืชผักพื้นบ้านที่ปลูกกันง่ายๆ อย่างตะไคร้ ยังเพิ่มขึ้นจากมัดละ 20-30 บาท เป็นมัดละ 90 บาท
สำหรับสาเหตุที่พืชผักมีราคาแพงมากนั้น มีสาเหตุมาจากภัยธรรมชาติ และโรคระบาด ซึ่งเกิดขึ้นในแหล่งเพาะปลูกสำคัญทางพื้นที่ภาคกลาง ทำให้พืชผักเกิดความเสียหายไปจำนวนมาก นอกจากนั้น ยังเป็นผลมาจากความต้องการที่พุ่งสูงขึ้น แต่ทางผู้ค้าสามารถผลิตพืชผักได้ในจำนวนจำกัด ส่งผลให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงมากขึ้น จึงจำเป็นต้องซื้อพืชผักในปริมาณที่ลดลง
นางมนฤดี ยอมรับว่า การจำหน่ายพืชผักในช่วงนี้ลำบากมาก เพราะลูกค้าต่างบ่นว่าย่ำแย่ และซื้อสินค้าน้อยลง ขณะที่ทางรัฐบาลกลับบอกว่า ขออย่าให้ประชาชนวุ่นวาย หรือตกใจกับราคาสินค้าแพงกันไปเอง แต่หารู้ไม่ว่า แท้จริงแล้วขณะนี้ทุกอย่างเป็นอย่างไรแล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการแก้ปัญหาที่ล้มเหลว และยังห่วงอีกว่าในเร็วๆ นี้ราคาพืชผักอาจเพิ่มขึ้นอีก เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรมากระหน่ำซ้ำเติมอีก