xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ภ.8 ลงพื้นที่จี้คดีเผาบริษัทจัดแสดงโชว์งู พบเสียหายกว่า 3 แสน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจภูธรภาค 8 ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าคนร้ายวางเพลิงเผาร้านโชว์งู เผยเร่งตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวข้องทุกอย่าง รวมทั้งข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของกลุ่มบุคคลต้องสงสัย ส่วนความเสียหายอยู่ที่ 350,000 บาท
ตำรวจภูธรภาค 8 ตำรวจภูธรภูเก็ตประชุมสรุปความคืบหน้าคดีเผาร้านโชว์งู โดยมีนางสาวเยาวเรศ ชินวัตร ซึ่งเป็นเพื่อนเจ้าของบริษัท รวมทั้งเจ้าของบริษัทร่วมรับฟังด้วย
วันนี้ (3 พ.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลาง จ.ภูเก็ต พล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชนสิทธิ์ วัฒนวรางกูร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.พีรยุทธ์ การะเจดี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.ศิริศักดิ์ วาสะศิริ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรฉลอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมเพื่อสรุปความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนรายที่ก่อเหตุวางเพลิงเผา บริษัทเฮลธี นูทรีเม้นท์ เลขที่ 45/9 ม. 1 ต.ฉลอง ซอยตาเอียด อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นจัดแสดงโชว์งู และอื่นๆ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 เม.ย. เวลา 02.00 น. โดยมีเจ้าของบริษัท ผู้จัดการ และน.ส.เยาวเรศ ชินวัตร ซึ่งเป็นเพื่อนกับทางเจ้าของบริษัทเฮลธี นูทรีเม้นท์ เข้าร่วมรับฟังด้วย

โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรฉลอง กล่าวว่า เหตุการณ์คนร้ายก่อเหตุวางเพลิงบริษัทดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา เวลา 02.00 น. มีคนร้ายจำนวนหนึ่งเข้ามาทำร้ายยามรักษาความปลอดภัยจนได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น ได้ใช้น้ำมันราด และจุดไปเผาทำให้บริษัทดังกล่าวได้รับความเสียหาย ซึ่งประกอบด้วย โต๊ะ เก้าอี้ ผนังห้อง เครื่องปรับอากาศ แจกัน รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 350,000 บาท ส่วนยามรักษาความปลอดภัยที่ได้รับบาดเจ็บคือ นายอนุชิต ไชยทองงาม อายุ 34 ปี ชาว อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช โดยถูกรุมทำรายได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ใบหน้าบวม แขน และขามีรอยฟกช้ำ ปัจจุบัน ยังต้องรักษาตัวที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต

พล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า สำหรับการติดตามคนร้ายที่เข้าไปก่อเหตุวางเพลิงที่บริษัทเฮลธี นูทรีเม้นท์ เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ และรอหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่มีการตรวจสอบรถยนต์คันที่เข้าไปเกิดเหตุ ซึ่งต้องนำภาพไปขยายเพื่อให้เห็นป้ายทะเบียนที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งตอนนี้ทราบยี่ห้อรถแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด นอกจากนั้น ยังมีการตรวจเช็กกล้องวงจรปิดย้อนหลังด้วย เพราะเชื่อว่าก่อนที่จะเข้าไปก่อเหตุคนร้ายจะต้องมาดูสถานที่ก่อนอย่างแน่นอน

พล.ต.ต.พิสัณห์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการตรวจสอบพยานหลักฐานทุกอย่างที่คนร้ายทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ รวมทั้งโทรศัพท์ของกลุ่มบุคคลต้องสงสัย เพราะขณะนี้ประเด็นการลอบวางเพลิงตัดเหลือเพียงประเด็นความขัดแย้งทางด้านธุรกิจเท่านั้น และคนที่เข้าไปก่อเหตุน่าจะรู้จักยาม และกลัวยามจำหน้าได้จึงรุมทำร้ายจนอาการสาหัส ซึ่งทุกประเด็นข้อสงสัยทางเจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนขยายผลเพื่อสาวให้ถึงผู้บงการ
กำลังโหลดความคิดเห็น