กระบี่ - ประธานเครือข่ายโอทอปกระบี่ โวขายได้ปีละกว่า 400 ล้าน พร้อมพัฒนาคุณภาพสู่มาตรฐานรับประชาคมอาเซียน สู้สินค้าแบรนด์เนม
นายนที แดงหนำ ประธานเครื่อข่ายโอทอปภาคใต้ และประธานเครือข่ายโอทอปจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากการที่กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสินค้าโอทอปทั่วประเทศ ลงทะเบียนเพื่อคัดสรรระดับดาว ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.55 โดยมีเงื่อนไขว่าสินค้าที่จะลงทะเบียนจะต้องมีตรารับรองมาตรฐานสินค้า เช่น สินค้าอาหารจะต้องมี อย. หรือ ฮาลาล และสินค้าประเภทสิ่งประดิษฐ์จะต้องมีตรามาตรฐานผู้ผลิตเครื่องใช้ หรือ ม.พ.ช. เพื่อให้สินค้าโอทอปมีคุณภาพ ที่จะอยู่ในตลาดการแข่งขันรองรับเศรษฐกิจประชาคมอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558
นายนที กล่าวอีกว่า การพัฒนาสินค้าโอทอปให้มีคุณภาพได้นั้น ภาครัฐจะต้องมีงบประมาณสนับสนุนผู้ผลิตในรูปแบบการให้กู้ยืมในลักษณะปลอดดอกเบี้ย หรือดอกเบี้ยต่ำ โดยที่ผ่านมาการกู้ยืมเงินทุนจากสถาบันการเงินมีขั้นตอนยุ่งยากที่ไม่เอื้ออำนวยต่อผู้ผลิตสินค้า และที่สำคัญ กลุ่มผู้ผลิตบางกลุ่มไม่จริงจัง ซึ่งทางเครือข่ายฯ ได้ใช้วิธีจัดงานแสดงสินค้า และสะสมเงินกำไรจากการจัดงานไว้เป็นกองทุน เป็นการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ยืมไปลงทุน ทำสินค้าให้มีมาตรฐานสามารถเข้าสู่ตลาดกลาง และตลาดโลกได้
“สำหรับจังหวัดกระบี่ ได้มีการพัฒนาคุณภาพสินค้าแล้ว จำนวน 2 ตัวสินค้า คือ กาแฟกระบี่ ของ ต.คลองท่อมเหนือ อ.คลองท่อม ที่ทำกาแฟ 3 IN 1 สู้กับบริษัทกาแฟยักษ์ใหญ่ในท้องตลาด และการใช้เครื่องจักรบรรจุผลิตภัณฑ์เม็ดมะม่วงหินมะพานต์ ของ ต.อ่าวลึกน้อย อ.อ่าวลึก ในการพัฒนาคุณภาพสินค้าโอทอป ทั้ง 2 ชนิด ยืนยันว่า คุณภาพของตัวสินค้ายังมีมาตรฐานเหมือนเดิม และการทำบรรจุภัณฑ์ด้วยเครื่องจักรนั้นเป็นการสร้างความสะอาด และความปลอดภัยเพิ่มขึ้น รวมทั้งสามารถแข่งขันกับสินค้าระบบทุนได้อย่างทัดเทียมกันอีกด้วย”
ประธานเครือข่ายโอทอปฯ กล่าวด้วยว่า ในแต่ละปี สินค้าโอทอปจังหวัดกระบี่ ที่มีจำหน่ายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ประมาณ 100 กว่ารายการ สามารถจำหน่ายได้ไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท/ปี หากว่าเกษตรกรยึดมาเป็นอาชีพเสริม หลังจากที่ทำการเกษตรสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมัน ที่มีรายได้ค่อนข้างดีอยู่แล้ว ก็จะเป็นรายได้เสริมให้เกษตรกรมีความมั่นคงของรายได้เพิ่มมากขึ้น และปัจจุบันนี้ หลายกลุ่มกำลังให้ความสำคัญกับสินค้าโอทอป
นายนที แดงหนำ ประธานเครื่อข่ายโอทอปภาคใต้ และประธานเครือข่ายโอทอปจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากการที่กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสินค้าโอทอปทั่วประเทศ ลงทะเบียนเพื่อคัดสรรระดับดาว ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.55 โดยมีเงื่อนไขว่าสินค้าที่จะลงทะเบียนจะต้องมีตรารับรองมาตรฐานสินค้า เช่น สินค้าอาหารจะต้องมี อย. หรือ ฮาลาล และสินค้าประเภทสิ่งประดิษฐ์จะต้องมีตรามาตรฐานผู้ผลิตเครื่องใช้ หรือ ม.พ.ช. เพื่อให้สินค้าโอทอปมีคุณภาพ ที่จะอยู่ในตลาดการแข่งขันรองรับเศรษฐกิจประชาคมอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558
นายนที กล่าวอีกว่า การพัฒนาสินค้าโอทอปให้มีคุณภาพได้นั้น ภาครัฐจะต้องมีงบประมาณสนับสนุนผู้ผลิตในรูปแบบการให้กู้ยืมในลักษณะปลอดดอกเบี้ย หรือดอกเบี้ยต่ำ โดยที่ผ่านมาการกู้ยืมเงินทุนจากสถาบันการเงินมีขั้นตอนยุ่งยากที่ไม่เอื้ออำนวยต่อผู้ผลิตสินค้า และที่สำคัญ กลุ่มผู้ผลิตบางกลุ่มไม่จริงจัง ซึ่งทางเครือข่ายฯ ได้ใช้วิธีจัดงานแสดงสินค้า และสะสมเงินกำไรจากการจัดงานไว้เป็นกองทุน เป็นการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ยืมไปลงทุน ทำสินค้าให้มีมาตรฐานสามารถเข้าสู่ตลาดกลาง และตลาดโลกได้
“สำหรับจังหวัดกระบี่ ได้มีการพัฒนาคุณภาพสินค้าแล้ว จำนวน 2 ตัวสินค้า คือ กาแฟกระบี่ ของ ต.คลองท่อมเหนือ อ.คลองท่อม ที่ทำกาแฟ 3 IN 1 สู้กับบริษัทกาแฟยักษ์ใหญ่ในท้องตลาด และการใช้เครื่องจักรบรรจุผลิตภัณฑ์เม็ดมะม่วงหินมะพานต์ ของ ต.อ่าวลึกน้อย อ.อ่าวลึก ในการพัฒนาคุณภาพสินค้าโอทอป ทั้ง 2 ชนิด ยืนยันว่า คุณภาพของตัวสินค้ายังมีมาตรฐานเหมือนเดิม และการทำบรรจุภัณฑ์ด้วยเครื่องจักรนั้นเป็นการสร้างความสะอาด และความปลอดภัยเพิ่มขึ้น รวมทั้งสามารถแข่งขันกับสินค้าระบบทุนได้อย่างทัดเทียมกันอีกด้วย”
ประธานเครือข่ายโอทอปฯ กล่าวด้วยว่า ในแต่ละปี สินค้าโอทอปจังหวัดกระบี่ ที่มีจำหน่ายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ประมาณ 100 กว่ารายการ สามารถจำหน่ายได้ไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท/ปี หากว่าเกษตรกรยึดมาเป็นอาชีพเสริม หลังจากที่ทำการเกษตรสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมัน ที่มีรายได้ค่อนข้างดีอยู่แล้ว ก็จะเป็นรายได้เสริมให้เกษตรกรมีความมั่นคงของรายได้เพิ่มมากขึ้น และปัจจุบันนี้ หลายกลุ่มกำลังให้ความสำคัญกับสินค้าโอทอป