ร้องพ่อเมืองคอนให้ความเป็นธรรม ลูกชายลั่นไม่เผาศพแม่หลัง ตชด.ยิงผิดตัว

นครศรีธรรมราช - ลูกชายเหยื่อ ตชด.ยิงผิดตัวคดียาเสพติดที่ร่อนพิบูลย์ บุกยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังแม่ถูกยิงผ่านมากว่า 20 วัน แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดแสดงความรับผิดชอบ ประกาศไม่เผาศพจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม

จากรณีที่นางโสภา พิบูลย์ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 183/2 ม.14 ต.ร่อนพิบูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ นครธรรมราช ถูกเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดของ ตชด.ที่ 42 ค่ายศรีนครินทรา อ.ทุ่งสง นครศรีธรรมราช ยิงเสียชีวิตขณะที่นั่งรถเก๋งส่วนตัวยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน กง-2425 พัทลุง มากับนายสุจินต์ พิบูลย์ อายุ 58 ปี สามี โดยสองสามีภรรยาได้กลับมาจากส่งญาติในหมู่บ้านเดียวกันและขับรถเพื่อจะกลับบ้านซึ่งอยู่ในละแวกนั้น

ขณะที่ขับมาถึงทางโค้งจะเลี้ยวเข้าบ้าน มีรถยนต์กระบะของชุดปราบปรามยาเสพติด เจ้าหน้าที่ ตชด.ที่ 42 ขับสวนมา และเรียกให้รถผู้ตายจอด แต่สามีของผู้ตายไม่กล้าจอดเนื่องจากเป็นช่วงกลางคืนและเปลี่ยว ประกอบกับผู้ที่เรียกอยู่ในชุดนอกเครื่องแบบและมีอาวุธปืนครบมือเกรงว่าเป็นโจรจะมาปล้นจึงได้ขับรถหนี และรถของชุดปราบปรามยาเสพติดได้ขับไล่และยิงใส่รถจนกระสุนไปโดนนางโสภาเสียชีวิต ก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดจะหลบหนีไป โดยเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 30 มีนาคม 2555 ที่ผ่านตามข่าวที่ได้นำเสนอมาแล้วนั้น

ในเรื่องเดียวกันนี้ เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (26 เม.ย.) นายสุจินต์ พิบูลย์ อายุ 58 ปี และนายเดชากร พิบูลย์ อายุ 31 ปี สามีและบุตรชายของนางโสภา ผู้เสียชีวิตได้เดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยนายสุจินต์ พิบูลย์ ได้กล่าวกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่แม่โดนเจ้าหน้าที่ ตชด.ยิงผิดตัวเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติด ระยะเวลากว่า 20 วันแล้ว แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดหรือเจ้าหน้าที่คนใดติดต่อหรือแสดงความรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด มีเพียงพวงหรีดหนึ่งพวงจาก ตชด.ที่ส่งร่วมงานศพของแม่เท่านั้น

ที่ผ่านมาครอบครัวของเราต้องอดทนและอยู่กันอย่างหวาดผวาต่อเหตุการณ์ดังกล่าว และที่ผ่านมา 20 กว่าวัน เราได้ให้เวลากับเจ้าหน้าที่ในการดำเนินคดีแต่ผ่านไประยะหนึ่งกลับยังไม่มีความคืบหน้า จึงอยากจะมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่นางโสภาผู้เป็นภรรยาด้วย

นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวหลังจากรับหนังสือจากนายสุจินต์ว่า ตนต้องขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของนายสุจินต์ และต้องบอกว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นนโยบายของจังหวัด เพราะนโยบายของจังหวัดเราเน้นในเรื่องของหลักนิติธรรม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ขององค์กรไม่มีความรอบคอบและรัดกุมในการปฏิบัติจึงทำให้ครอบครัวนี้ต้องสูญเสียภรรยาและแม่ไป ต้องบอกว่าไม่ใช่นโยบายของจังหวัด เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล

และตั้งแต่เกิดเรื่องตนยังไม่เคยได้รับการประสานจาก ตชด.ที่ก่อเหตุ ได้รับเพียงรายงานจากผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราชเท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้ว ตชด.ที่ 42 ก็เป็นหน่วยงานที่มีผลงานในเรื่องของการปราบปรามยาเสพติดที่โดดเด่น แต่ในเรื่องนี้ถือเป็นความผิดพลาดของผู้ปฏิบัติในเรื่องของข้อมูลแหล่งข่าว ตนยังไม่ทราบรายละเอียดมาก แต่ก็ไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งในส่วนของ ตชด.ก็คงจะมีการดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งตนยังไม่ได้เข้าไปก้าวล่วงแต่หลังจากนี้ไปตนก็จะเข้าไปขอรับทราบผลการดำเนินการจากหัวหน้าหน่วย

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชกล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของนายสุจินต์ เป็นสิ่งที่ตอกย้ำให้มีการทำงานที่รัดกุมและรอบคอบมากขึ้นในเรื่องของการปราบปรามยาเสพติด จนนำมาสู่การจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชตามที่เป็นข่าวอยู่ ซึ่งตนไม่อยากให้การปราบปรามยาเสพติดของจังหวัดสะดุดลง คงต้องเดินหน้าต่อไปและต้องรัดกุมรอบคอบกว่าเดิม แก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหากเป็นเจตนาของเจ้าหน้าที่ก็คงจะให้อภัยไม่ได้ แต่หากไม่เจตนาและเขาแสดงความผิดชอบแบบลูกผู้ชายก็อยากจะให้ครอบครัวของนางโสภาให้อภัยเพราะถือว่าเขาก็ตั้งใจทำงาน

ทางด้าน นายเดชากร พิบูลย์ อายุ 31 ปี บุตรชายกล่าวว่า การมาเรียกร้องขอความธรรมในครั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมาเราได้ให้เวลาระยะหนึ่งแล้วในการทำหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องแต่ก็ยังไม่มีความผิดชอบใดๆ เกิดขึ้น เราจึงต้องมาเรียกร้อง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลกระทบต่อครอบครัวและประชาชนในหมู่บ้านของตน เพราะบรรยากาศในหมู่บ้านหลังเกิดเหตุการณ์เหมือนหมู่บ้านที่ประกาศกฎอัยการศึก เพราะหนึ่งทุ่มจะไม่มีชาวบ้านคนใดกล้าออกจากบ้าน แม้แต่ฝรั่งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านทุกคนอยู่กับแบบหวาดผวาและหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกรงว่าอาจจะตกเป็นเหยื่อรายต่อไป ส่วนศพของมารดานั้นจะไม่มีการเผาศพจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม