ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สัมผัสชีวิตเกษตรกรพลัดถิ่นจากภาคตะวันออก อพยพย้ายครอบครัวมาปักหลักทำการเกษตรอยู่ในภาคใต้ จนประสบความสำเร็จจากสภาพพื้นที่ที่เหมาะสมกับการเกษตร ได้ผลผลิตหลายหมื่นบาทต่อรุ่น และไม่ต้องเสียค่าเช่าที่ ใช้วิธีดูแลสวนยางให้เจ้าของที่ดินแลกกับการปลูกผัก
ครอบครัวของ นายวัลลภ ประเสริฐ อายุ 31 ปี จาก ต.กอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี รวม 6 ชีวิต ทั้งภรรยาลูกชายวัย 4 และ 5 ขวบ รวมทั้งพ่อตาแม่ยาย อพยพย้ายถิ่นฐานมาประกอบอาชีพทำการเกษตรอยู่ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มากว่า 6 ปี จนประสบความสำเร็จ ชีวิตมีอยู่มีกินอย่างพอเพียง ต่างจากชีวิตในบ้านเกิดซึ่งสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยต่อการเป็นเกษตรกรและค่อนข้างแร้นแค้น
โดยปัจจุบัน ครอบครัวของ นายวัลลภ ได้มาตั้งหลักปักฐานทำการเกษตรอยู่ในพื้นที่บ้านฉลุง หมู่ 1 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ปลูกขนำในสวนยางเป็นที่อาศัยรวมกันทั้ง 6 ชีวิต และช่วยกันทำการเกษตรทั้งปลูกแตงร้าน พริก และถั่วฝักยาว หรือพืชผักตามที่ตลาดต้องการในเนื้อที่สวนยางพาราอ่อนกว่า 12 ไร่ ส่งขายตลาดในหาดใหญ่และตลาดในมาเลเซีย สามารถสร้างรายได้ในการปลูกผักแต่ละรุ่น 2-3 หมื่นบาท ภายในระยะเวลา 2 เดือน โดยขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงของการเก็บผลผลิตแตงร้านซึ่งเก็บมา 20 รอบ ส่งขายกิโลกรัมละ 8 บาท สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เนื่องจากให้ผลผลิตเต็มที่จากสภาพล้อมในภาคใต้ทั้งดิน และน้ำที่เหมาะต่อการทำการเกษตรได้ตลอดทุกช่วงฤดูกาล
นายวัลลภ บอกว่า พื้นที่ที่ใช้ทำการเกษตรไม่ต้องเสียค่าเช่าแม้แต่บาทเดียว โดยจะเลือกสวนยางพาราอ่อน ในการทำการเกษตร แต่จะใช้วิธีดูแลสวนยางให้แก่เจ้าของสวนทั้งถางหญ้าใส่ปุ๋ยแทนค่าเช่า ซึ่งเจ้าของสวนยางทุกแปลงจะพอใจเนื่องจากต้นยางได้รับการดูแลอย่างเต็มที่และสวนยางไม่รก และตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี ที่อพยพครอบครัวมาทำการเกษตรอยู่ในพื้นที่ จ.สงขลา มีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งไม่เฉพาะการเกษตรที่ให้ผลดี แต่อัธยาศัยของคนใต้ที่เป็นกันเองเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทำให้ไม่มีปัญหากับการใช้ชีวิตและการประกอบอาชีพ ซึ่งตนและครอบครัวจะยึดอาชีพทำการเกษตรต่อไปเรื่อยๆ ขณะที่ลูกทั้งสองคนก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเรียนเพราะจะส่งเข้าเรียนในโรงเรียนในพื้นที่