เปิดใจชาวบ้านใจกลางแผ่นดินไหว..ผวา-เครียด

เหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2555 มีจุดศูนย์กลางอยู่ตำบลศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 4.3 ริกเตอร์ และอาฟเตอร์ช็อกที่ตามมาอีกหลายระลอก ได้สร้างความตื่นตกใจให้แก่ชาวบ้าน “ASTVผู้จัดการ” ได้ลงพื้นที่ตำบลศรีสุนทร พูดคุยกับผู้ที่อยู่ใจกลางแผ่นดินไหว พบว่า ทุกคนอยู่ในภาวะเครียด และวิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกๆ วัน

นายเอ็น นิยมพงศ์ อยู่บ้านเลขที่ 99/5 ม. 2 ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง กล่าวด้วยสีหน้ากังวล ถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในพื้นที่ว่า ขณะที่เกิดแผ่นดินไหวซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ ต.ศรีสุนทรนั้น ตนอยู่ที่บ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำ ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นแผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ศรีสุนทร คิดว่าเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวในทะเลเหมือนครั้งที่ผ่านมา แต่รู้สึกว่ามีแรงสะเทือนและเสียงดังมาก รวมทั้งบ้านสั่นไปทั้งหลัง จึงได้วิ่งหนีออกไปอยู่ในที่โล่ง เนื่องจากกลัวว่าบ้านจะพังลงมา ซึ่งก็รู้สึกตกใจ แต่ไม่คิดว่าจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวจะอยู่ที่นี่ ยังคิดว่าถ้าเกิดสึนามิก็ไม่น่าจะมาถึงบ้านได้

แต่เมื่อทราบข่าวว่า จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ศรีสุนทร ทำให้รู้สึกกลัวมากขึ้นเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้ามีเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงอีก จนถึงขณะนี้ ยังหวาดกลัวไม่หาย และยังกลัวอยู่ตลอดเวลา เพราะแผ่นดินไหวเกิดขึ้นตลอด เวลานอนกลางคืนก็นอนไม่หลับ หรือนอนหลับๆ ตื่นๆ เวลาเกิดแผ่นดินไหวรู้สึกได้ ก็จะเรียกลูกเรียกเมียวิ่งออกไปอยู่นอกบ้าน เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง จนเริ่มเครียดและนอนไม่หลับ

“เครียดมาก นอนไม่หลับ ไม่กล้าอยู่ในบ้านในเวลากลางคืน” นี่คือคำพูดของ “นางอำไพ นิยมพงศ์” เจ้าของบ้านเลขที่ 100/1 ม.ที่ 2 ซึ่งเป็นบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวจนเกิดรอยร้าวภายในบ้านหลายจุด กล่าวด้วยใบหน้าที่ยังตื่นตระหนก และพยายามที่จะหัวเราะออกมาขณะที่เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังถึงนาทีที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว

ขณะที่เกิดเหตุนั้นไม่ได้อยู่ที่บ้านพัก แต่อยู่ที่ตลาด ซึ่งรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้น เหมือนกัน และรู้สึกว่าสะเทือนมากกว่าครั้งที่เกิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย. โดยไม่คิดว่าแผ่นดินไหวในครั้งนี้จะกระทบไปถึงบ้านที่อาศัยอยู่ แต่เมื่อกลับไปถึงบ้านก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าบริเวณฝาผนังมีรอยแยก สอบถามบ้านหลังอื่นๆ ก็เป็นเหมือนกัน ทำให้รู้สึกกลัวมากเพราะอยู่บ้านเพียงคนเดียวกลัวบ้านจะพังลงมา ทำให้เวลานี้นอนไม่หลับเครียดมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลได้มาพูดคุยและให้ยาไว้กินแล้ว แต่ก็ยังกลัวอยู่

“ตอนนี้ยังมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นตลอด ทำให้กลัวมาก โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนไม่กล้าที่จะนอนในบ้าน นอนหลับก็ไม่เต็มที่ เพราะจะผวาตื่นขึ้นมาตลอดเวลา อยากให้เหตุการณ์แบบนี้หมดไปเร็วๆ ตอนนี้มีแต่ความกังวล กลัวอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าจะไหวขึ้นมาตอนไหนบ้าง ยอมรับว่ากลัวที่สุด แต่ถ้าจะให้ออกจากบ้านตัวเองไปอยู่ที่อื่นก็ไม่เอา ถ้าจะเป็นอะไรไปก็ขออยู่ที่บ้านตัวเอง ไม่หนีไปไหนแน่ ตายก็ขอตายที่ภูเก็ต”

นางปราณี จันทรัตน์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 8 ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พูดคุยกับเราด้วยสีหน้าที่มีกังวล ว่า กลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงวันนี้ยังสั่นอยู่เลยเมื่อนึกถึงแผ่นดินไหว ที่นอนนั้นตนอยู่หน้าบ้านเหมือนมีรถสิบล้อวิ่งผ่านทำให้บ้านสั่น ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จะวิ่งเข้าไปในนอน หรือจะยืนอยู่นอกบ้านก็ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไร เกิดมาอายุ 50 ปี เพิ่งจะเจอครั้งนี้เป็นครั้งแรก ทำให้กลางคืนนอนไม่หลับ ผวาตื่นตลอด กลัวบ้านจะพังลงมา โดยเฉพาะคืนไหนที่มีแผ่นดินไหว เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วจะนอนไม่หลับเลย

ตอนนี้ได้แต่ติดตามข่าวสารจากโทรทัศน์ และไม่เชื่อตามใบปลิวที่ออกมาว่าภูเก็ตจะจม และจะไม่หนีไปไหนทั้งนั้น เพราะบ้านอยู่ที่นี่

ขณะที่นางธันญา ชนะพันธุ์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115/6 หมู่ 2 ต.ศรีสุนทร ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ บอกว่า เครียดกับแผ่นดินไหวที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน เป็นห่วงบ้านลูกสาวที่ร้าวจากแรงสั่นของแผ่นดินไหว กลางคืนนอนไม่ค่อยหลับ ต้องกินยาคลายเครียด และลึกๆ แล้ว เชื่อว่าภูเก็ตมีสิ่งศักดิ์คุ้มครอง ไม่เป็นอะไรแน่นอน

น.ส.อุทัยพร ยศภักดี อยู่บ้านเลขที่ 80/9 หมู่ 2 ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต แม่ค้าขายอาหารตามสั่ง กล่าวว่า วันนั้นกำลังผัดก๋วยเตี๋ยวอยู่ จานที่จะตักก๋วยเตี๋ยวหลุดจากมือเลย วิ่งออกไปอยู่บนถนน กลัวจนใจสั่นไปหมด กลางคืนก็นอนไม่ค่อยหลับ กังวลไม่รู้จะมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นตอนไหนอีก และยิ่งมีข่าวลือพูดกันปากต่อปาก ทำให้ยิ่งกลัวเพิ่มขึ้นไปอีก ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะออกจากเกาะภูเก็ตไปก่อนวันนี้ 28 เมษายนนี้หรือไม่ ถ้าออกไปก็เป็นห่วงบ้านอีก ลูกๆ ก็ยังเด็กอยู่ อยู่ในพื้นที่ก็ไหวตลอด เครียดจนนอนไม่หลับ
ชาวศรีสุนทรทุกคนกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หน่วยงานภาครัฐนอกจากจะไปช่วยเยียวยาแล้ว สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือ การให้ความรู้ที่ถูกต้อง เพื่อให้ชาวบ้านคลายความกังวลลงไปบ้างก็ยังดี