ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กงสุลจีนประจำจังหวัดสงขลา เข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ย้ายสถานกงสุลมาประจำภูเก็ต พร้อมเสนอติดป้ายประชาสัมพันธ์ภาษาจีนเพิ่มเติม
วันนี้ (28 มี.ค.) นาย ซู หมิงเหลียง (Mr.Xu Mingling) กงสุล สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดสงขลา พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมคารวะ นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ที่ห้องทำงาน ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ และเพื่อหารือเรื่องการตั้งสถานกงสุลจีนแห่งใหม่ที่จังหวัดภูเก็ต มี นายตัน จี เคียง และ นางสาวเบญจาภา ทับทอง หัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวจังหวัดภูเก็ต ร่วมให้การต้อนรับ
นาย ซู หมิงเหลียง กงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำสงขลา กล่าวว่า การเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในวันนี้ เพื่อมารายงานตัว เนื่องจากเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง รวมทั้งเพื่อปรึกษาหารือเรื่องการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างภูเก็ตกับกงสุลจีน ซึ่งขณะนี้นักท่องเที่ยวที่มาจากจีน ส่วนใหญ่จะมาเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต มีจำนวนน้อยที่เดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดสงขลาหรือหาดใหญ่
ปีนี้มีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวประเทศไทย โดยเฉพาะที่ จ.ภูเก็ต จำนวนมาก โดยปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวภูเก็ตประมาณ 5000,000 คน แต่อย่างไรก็ตาม จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามาก ทำให้เกิดปัญหากับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว แต่สำนักงานกงสุลจีนอยู่ไกลถึงจังหวัดสงขลา ต้องเดินทางมาจังหวัดภูเก็ตหลายร้อยกิโลเมตร ทำให้การประสานงานมีความลำบาก ซึ่งต่อไปต้องศึกษาว่าจะสร้างกงสุลแห่งใหม่ที่ภูเก็ตหรือว่าที่หาดใหญ่ เนื่องจากอาคารกงสุลจีนปัจจุบัน เช่ามาประมาณ 20 ปีแล้ว อาคารค่อนข้างเก่าแก่ ไม่เหมาะสมกับสถานะของประเทศจีน
นาย ซู หมิงเหลียง กล่าวอีกว่า ถ้าภูเก็ตสามารถเสนอที่ดินประมาณ 5 ไร่ ให้ได้เราก็มั่นใจมากที่จะมาสร้าง ซึ่งถ้าย้ายมาสร้างที่ภูเก็ต จะทำให้มีความสะดวกง่ายต่อการประสานงาน การต้อนรับคณะจากจีนก็จะมีความสะดวกยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวชาวจีนจากที่เดินทางเข้ามาประมาณ 500,000 คนต่อปี ก็จะเดินทางเข้ามาภูเก็ตมากขึ้นอีก อย่างไรก็ตามทางกงสุลจีนพยายามทำงานต่อไปเพื่อดึงนักธุรกิจ นักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยว และลงทุนที่ภูเก็ต
นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงป้ายประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่าจากการลงดูตามสถานที่ต่างๆ พบว่า จะไม่มีป้ายภาษาจีนเลย มีเพียงป้ายภาษาไทย กับภาษาอังกฤษ เท่านั้น ซึ่งแตกต่างกับที่กรุงเทพฯ มีทั้งป้ายภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน จึงอยากให้ทางจังหวัดจัดให้มีป้ายในส่วนของภาษาจีนด้วย โดยเฉพาะป้ายเตือนภัย ทั้งที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต และตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ
ขณะที่ นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในเรื่องสถานที่ที่จะสร้างสถานกงสุลนั้นขอให้รัฐบาลจีนทำเรื่องขอมา ทางจังหวัดอาจจะให้เช่าที่แปลงของธนารักษ์ ซึ่งตนก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้ามีกงสุลจีนมาเปิดที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อเกิดปัญหากับนักท่องเที่ยวจีนก็สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที ขณะที่ในเรื่องของป้ายภาษาจีน ตนจะนำเข้าที่ประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อรีบดำเนินการโดยเร็วที่สุด
วันนี้ (28 มี.ค.) นาย ซู หมิงเหลียง (Mr.Xu Mingling) กงสุล สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดสงขลา พร้อมคณะ เข้าเยี่ยมคารวะ นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ที่ห้องทำงาน ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ และเพื่อหารือเรื่องการตั้งสถานกงสุลจีนแห่งใหม่ที่จังหวัดภูเก็ต มี นายตัน จี เคียง และ นางสาวเบญจาภา ทับทอง หัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวจังหวัดภูเก็ต ร่วมให้การต้อนรับ
นาย ซู หมิงเหลียง กงสุลสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำสงขลา กล่าวว่า การเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในวันนี้ เพื่อมารายงานตัว เนื่องจากเพิ่งเข้ารับตำแหน่ง รวมทั้งเพื่อปรึกษาหารือเรื่องการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างภูเก็ตกับกงสุลจีน ซึ่งขณะนี้นักท่องเที่ยวที่มาจากจีน ส่วนใหญ่จะมาเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต มีจำนวนน้อยที่เดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดสงขลาหรือหาดใหญ่
ปีนี้มีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวประเทศไทย โดยเฉพาะที่ จ.ภูเก็ต จำนวนมาก โดยปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวภูเก็ตประมาณ 5000,000 คน แต่อย่างไรก็ตาม จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามาก ทำให้เกิดปัญหากับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว แต่สำนักงานกงสุลจีนอยู่ไกลถึงจังหวัดสงขลา ต้องเดินทางมาจังหวัดภูเก็ตหลายร้อยกิโลเมตร ทำให้การประสานงานมีความลำบาก ซึ่งต่อไปต้องศึกษาว่าจะสร้างกงสุลแห่งใหม่ที่ภูเก็ตหรือว่าที่หาดใหญ่ เนื่องจากอาคารกงสุลจีนปัจจุบัน เช่ามาประมาณ 20 ปีแล้ว อาคารค่อนข้างเก่าแก่ ไม่เหมาะสมกับสถานะของประเทศจีน
นาย ซู หมิงเหลียง กล่าวอีกว่า ถ้าภูเก็ตสามารถเสนอที่ดินประมาณ 5 ไร่ ให้ได้เราก็มั่นใจมากที่จะมาสร้าง ซึ่งถ้าย้ายมาสร้างที่ภูเก็ต จะทำให้มีความสะดวกง่ายต่อการประสานงาน การต้อนรับคณะจากจีนก็จะมีความสะดวกยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวชาวจีนจากที่เดินทางเข้ามาประมาณ 500,000 คนต่อปี ก็จะเดินทางเข้ามาภูเก็ตมากขึ้นอีก อย่างไรก็ตามทางกงสุลจีนพยายามทำงานต่อไปเพื่อดึงนักธุรกิจ นักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยว และลงทุนที่ภูเก็ต
นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงป้ายประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่าจากการลงดูตามสถานที่ต่างๆ พบว่า จะไม่มีป้ายภาษาจีนเลย มีเพียงป้ายภาษาไทย กับภาษาอังกฤษ เท่านั้น ซึ่งแตกต่างกับที่กรุงเทพฯ มีทั้งป้ายภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน จึงอยากให้ทางจังหวัดจัดให้มีป้ายในส่วนของภาษาจีนด้วย โดยเฉพาะป้ายเตือนภัย ทั้งที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต และตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ
ขณะที่ นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในเรื่องสถานที่ที่จะสร้างสถานกงสุลนั้นขอให้รัฐบาลจีนทำเรื่องขอมา ทางจังหวัดอาจจะให้เช่าที่แปลงของธนารักษ์ ซึ่งตนก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้ามีกงสุลจีนมาเปิดที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อเกิดปัญหากับนักท่องเที่ยวจีนก็สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงที ขณะที่ในเรื่องของป้ายภาษาจีน ตนจะนำเข้าที่ประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อรีบดำเนินการโดยเร็วที่สุด