ปธ.กรรมาธิการที่ดินฯชี้ให้ป่าไม้สอบคดี รวบ “มอดไม้” ได้แน่

พัทลุง - พบพื้นที่ป่าเทือกเขาบรรทัดถูกบุกรุกเพิ่มอีก 50 ไร่ ขณะที่ ปธ.กรรมธิการที่ดินสิ่งแวดล้อมฯ ชี้หากเจ้าหน้าที่ป่าไม้สอบสวนคดีเองสามารถจับผู้หาได้แน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ยังพบปัญหาการบุกแผ้วถางป่าต้นน้ำในพื้นที่จังหวัดพัทลุงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจากสำรวจพื้นที่ป่าต้นน้ำเทือกเขาบรรทัดในพื้นที่บ้านเหมืองตะกั่ว ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง พบมีการบุกรุกแผ้วถางป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์จนโล่งเตียนอีก 2 แปลง บนเนื้อที่เกือบ 50 ไร่


โดยมีการตัดโค่นต้นไม้ขนาดใหญ่อายุนับร้อยปี เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับปลูกยางพารา ซึ่งบางแปลง ได้มีการปลูกจนเต็มพื้นที่แล้ว บางแปลงรอให้ต้นไม้ที่โค่นล้มแห้งสนิท ก่อนรอเผาและปรับพื้นที่ปลูกยางพาราต่อไป ซึ่งแปลงที่โค่นล้มดังกล่าว อยู่ท้ายหมู่บ้านขึ้นไปตามเนินเขาที่สูงชันต้องใช้เวลาเดินเท้านานหลายชั่วโมง

ด้าน นายนริศ ขำนุรักษ์ ประธานกรรมาธิการที่ดินและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สถานการณ์บุกแผ้วถางป่าไม้ยังคงน่าเป็นห่วง เพราะโดยภาพรวมทั่วไปการทำงานของเจ้าหน้าที่ยังคงหย่อนยาน เช่น ป่าเทือกเขาบรรทัดในเขตพื้นที่จังหวัดพัทลุง ตรัง สตูล และสงขลา ที่ผ่านมาถูกนายทุนบุกรุก แผ้วถางเพื่อปลูกยางพาราเป็นจำนวนมาก

แต่การดำเนินการจับกุมผุ้กระทำผิดเป็นไปได้น้อย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่สามารถสอบสวนเองได้ จึงมอบหมายให้ทางพนักงานสอบสวนของแต่ละโรงพักสอบสวนกันเอง จนทำให้คดีล่าช้า และไม่สามารถเอาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีได้

“จึงอยากเรียกร้องให้ทางรัฐบาลแก้กฎหมายป่าไม้ใหม่ โดยการให้อำนาจเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในการสืบสวน สอบสวน จับกุมผู้กระทำผิด และหาหลักฐานด้วยตัวเอง เนื่องจากเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทราบว่าในแต่ละแปลงที่ถูกบุกรุกใครกระทำผิด ซึ่งวันนี้หากปล่อยให้ทางตำรวจสอบสวน และหาผู้กระทำผิดเอง ค่อนข้างที่จะลำบากและไม่สามารถสาวถึงผู้กระทำผิด” นายนริศกล่าว

นายนริศยังกล่าวอีกว่า แปลงที่เจ้าพนักงานตรวจยึดแล้ว อยากให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งใช้มาตรา 25 ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อเพิกถอนทำลายอาสิน เพราะที่ผ่านมา หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจยึดแล้วไม่ทำลาย ชาวบ้านและนายทุนยังสามารถดำเนินการปลูกต่อไปได้ จนเป็นปัญหาคาราคาซังตลอดมา ยากที่จะดำเนินการแก้ไข หรือเอาป่าคืนมา