กระบี่ - ผู้ประกอบการรถโดยสาร รถจยย.รับจ้างเกาะลันตา จ.กระบี่ รวมตัวประท้วง อ้างตำรวจร่วมกับผู้ประกอบการหาประโยชน์ เรียกรับเงิน นายอำเภอเข้าไกล่เกลี่ยได้ข้อสรุปยอมแยกย้าย
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (8 ก.พ.) ที่หน้า สภ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ผู้ประกอบการรถโดยสาร รถจักรยานยนต์รับจ้าง และรถบรรทุก 4 ล้อเล็ก ที่วิ่งให้บริการนักท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะลันตา กว่า 150 คน นำโดย นายนันทชาติ เกื้อชาติ อายุ 41 ปี อดีต ส.อบจ.เกาะลันตา ได้รวมตัวประท้วงเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องออกมาเจรจา และรับข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการ เนื่องจากขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างมาก
โดย นายนันทชาติ เกื้อชาติ อดีต ส.อบจ.เกาะลันตา กล่าวว่า การรวมตัวประท้วงของชาวบ้านที่มีอาชีพขับรถรับจ้างทั้งรถยนต์ และจักรยานยนต์ในครั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาได้เกิดปัญหาซึ่งกระทบต่อผู้ที่วิ่งให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่ในเกาะ เนื่องจากทางตำรวจได้มีการตั้งด่านตรวจจับรถรับจ้างทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่ไม่มีสติ๊กเกอร์ของบริษัทลันตา ทรานสปอร์ต จำกัด เมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมจะแจ้งข้อกล่าวหาดัดแปลงสภาพรถ ผิดประเภท และวิ่งทับเส้นทางสัมปทานของผู้อื่น ซึ่งเป็นการกระทำที่ตำรวจร่วมกับผู้ประกอบการรวมหัวกันหาผลประโยชน์
นายนันทชาติ กล่าวอีกว่า แต่หากรถคันใดที่ต้องการวิ่งให้บริการ ก็จะต้องไปซื้อสติกเกอร์จากบริษัทดังกล่าวในราคา 80 บาท และจ่ายค่ารายเดือนๆ ละ 700 บาท ก็จะไม่ถูกจับ ทั้งๆ ที่บริษัทดังกล่าวแม้ว่าจะมีสัมปทาน แต่ไม่เคยมีรถออกมาวิ่งให้บริการเลย นอกจากนั้นผู้ที่วิ่งประกอบการอยู่ก็วิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวที่อยู่ตามโรงแรมรีสอร์ต ไม่ได้วิ่งตลอดสาย
หลังชาวบ้านรวมตัวกันทางนายสุริยันต์ ณรงค์กูล นายอำเภอเกาะลันตา ได้เชิญตัวแทนชาวบ้านพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมยศ สีหาบัว ผกก.สภ.เกาะลันตา ตัวแทนขนส่งจังหวัดกระบี่ เข้าร่วมหารือ ซึ่งในที่ประชุมทางชาวบ้านได้ยื่นข้อเรียกร้อง 6 ข้อ คือ 1.กรณีที่เกิดขึ้นไม่ได้รับความเป็นธรรม 2.ให้แก้ไขความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นตามที่ได้ร้องเรียนไปยังผู้ว่าฯ 3.ให้ตรวจสอบการกระทำของ ผกก.เกาะลันตา 4.ให้พิจารณาโยกย้าย ผกก.เกาะลันตา 5.ให้นายอำเภอรับเรื่อง 6.จะรอฟังผลต่อไป
ซึ่งผลการเจรจาได้ข้อสรุปว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้น ทาง ผกก.เกาะลันตา ทำไปตามหน้าที่และสามารถดำเนินการได้ แต่เนื่องจากบริษัทที่รับสัมปทานรถไม่เคยนำรถมาวิ่งทางขนส่งไม่ทราบมาก่อน ในเบื้องต้นระยะเวลา 3 เดือนต่อจากนี้ จะไม่มีการจับกุมจะเปิดให้วิ่งบริการได้ แต่เมื่อถึงช่วงโลว์ซีซันก็จะมีการจัดระเบียบใหม่ ทำให้ชาวบ้านพอใจแยกย้ายในที่สุด
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (8 ก.พ.) ที่หน้า สภ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ผู้ประกอบการรถโดยสาร รถจักรยานยนต์รับจ้าง และรถบรรทุก 4 ล้อเล็ก ที่วิ่งให้บริการนักท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะลันตา กว่า 150 คน นำโดย นายนันทชาติ เกื้อชาติ อายุ 41 ปี อดีต ส.อบจ.เกาะลันตา ได้รวมตัวประท้วงเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องออกมาเจรจา และรับข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการ เนื่องจากขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างมาก
โดย นายนันทชาติ เกื้อชาติ อดีต ส.อบจ.เกาะลันตา กล่าวว่า การรวมตัวประท้วงของชาวบ้านที่มีอาชีพขับรถรับจ้างทั้งรถยนต์ และจักรยานยนต์ในครั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาได้เกิดปัญหาซึ่งกระทบต่อผู้ที่วิ่งให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่ในเกาะ เนื่องจากทางตำรวจได้มีการตั้งด่านตรวจจับรถรับจ้างทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่ไม่มีสติ๊กเกอร์ของบริษัทลันตา ทรานสปอร์ต จำกัด เมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมจะแจ้งข้อกล่าวหาดัดแปลงสภาพรถ ผิดประเภท และวิ่งทับเส้นทางสัมปทานของผู้อื่น ซึ่งเป็นการกระทำที่ตำรวจร่วมกับผู้ประกอบการรวมหัวกันหาผลประโยชน์
นายนันทชาติ กล่าวอีกว่า แต่หากรถคันใดที่ต้องการวิ่งให้บริการ ก็จะต้องไปซื้อสติกเกอร์จากบริษัทดังกล่าวในราคา 80 บาท และจ่ายค่ารายเดือนๆ ละ 700 บาท ก็จะไม่ถูกจับ ทั้งๆ ที่บริษัทดังกล่าวแม้ว่าจะมีสัมปทาน แต่ไม่เคยมีรถออกมาวิ่งให้บริการเลย นอกจากนั้นผู้ที่วิ่งประกอบการอยู่ก็วิ่งรับส่งนักท่องเที่ยวที่อยู่ตามโรงแรมรีสอร์ต ไม่ได้วิ่งตลอดสาย
หลังชาวบ้านรวมตัวกันทางนายสุริยันต์ ณรงค์กูล นายอำเภอเกาะลันตา ได้เชิญตัวแทนชาวบ้านพร้อมด้วย พ.ต.อ.สมยศ สีหาบัว ผกก.สภ.เกาะลันตา ตัวแทนขนส่งจังหวัดกระบี่ เข้าร่วมหารือ ซึ่งในที่ประชุมทางชาวบ้านได้ยื่นข้อเรียกร้อง 6 ข้อ คือ 1.กรณีที่เกิดขึ้นไม่ได้รับความเป็นธรรม 2.ให้แก้ไขความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นตามที่ได้ร้องเรียนไปยังผู้ว่าฯ 3.ให้ตรวจสอบการกระทำของ ผกก.เกาะลันตา 4.ให้พิจารณาโยกย้าย ผกก.เกาะลันตา 5.ให้นายอำเภอรับเรื่อง 6.จะรอฟังผลต่อไป
ซึ่งผลการเจรจาได้ข้อสรุปว่า กรณีที่เกิดขึ้นนั้น ทาง ผกก.เกาะลันตา ทำไปตามหน้าที่และสามารถดำเนินการได้ แต่เนื่องจากบริษัทที่รับสัมปทานรถไม่เคยนำรถมาวิ่งทางขนส่งไม่ทราบมาก่อน ในเบื้องต้นระยะเวลา 3 เดือนต่อจากนี้ จะไม่มีการจับกุมจะเปิดให้วิ่งบริการได้ แต่เมื่อถึงช่วงโลว์ซีซันก็จะมีการจัดระเบียบใหม่ ทำให้ชาวบ้านพอใจแยกย้ายในที่สุด
