ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้การภูเก็ตเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจจี้ติดตามจับกุมคนร้ายชิงทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย สาขาโลตัส ถนนเจ้าฟ้า-เซเว่นฯ หน้าวัดเทพ เผยเริ่มทราบตัวกลุ่มผู้ต้องสงสัยหลังตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดทั้งก่อนและหลังลงมือ พร้อมสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีปรับแผนการการตรวจสอบให้สัมพันธ์กันเพื่อป้องกันการเกิดเหตุร้าย
วันนี้ (6 ก.พ.) ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เรียกประชุมรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ผู้กำกับการการตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต เพื่อเร่งรัดติดตามจับกุมคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนเข้าไปชิงทรัพย์จากธนาคารกรสิกรไทย สาขาโลตัส ถ.เจ้าฟ้า อ.เมือง จ.ภูเก็ต และคนร้ายวิ่งราวทรัพย์เซเว่นฯหน้าวัดเทพนิมิตร อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเหตุการณ์เกิดห่างกันประมาณ 1 สัปดาห์
โดย พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ขณะนี้ได้มีการประชุมเพื่อเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้แล้ว ซึ่งตนจะเรียกประชุมทุกสัปดาห์จนกว่าจะติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะนี้ในส่วนของคดีชิงทรัพย์ธนาคารนั้นพอจะทราบกลุ่มผู้ต้องสงสัยแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบประวัติ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากในช่วงที่เกิดเหตุนั้นคนร้ายไม่ได้ทิ้งหลักฐานไว้เลย ซึ่งจากการตรวจสอบนั้นได้มีการตรวจสอบหลักฐานจากกล้องวงจรปิด โดยดึงข้อมูลจากกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบใน 2 ระยะ คือก่อนเกิดเหตุ 1 สัปดาห์ และหลังเกิดเหตุ เพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุด
ส่วนกรณีการวิ่งราวทรัพย์จากร้านเซเว่นฯ ซึ่งคนร้ายได้เงินสดไปจำนวน 3,000 บาทนั้น ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดมาแล้ว และพยานในที่เกิดเหตุจำหน้าตาของคนร้ายได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้เร่งรัดให้มีการติดตามจับกุมตัวคนร้ายแล้วเช่นกัน
พล.ต.ต.ชนสิษฎ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีเหตุการณ์เกี่ยวกับทรัพย์เกิดขึ้นจำนวนมาก จึงอยากขอความร่วมมือในส่วนของธนาคาร ร้านทอง ร้านสะดวกซื้อ หากจะนำเงินจำนวนมากๆ ไปฝากธนาคารก็สามารถแจ้งขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลความปลอดภัยได้ทั้ง 8 สถานี รวมทั้งจะต้องกำหนดมาตรการในการดูแลป้องกันเพื่อให้สัมพันธ์กับแผนการตรวจรักษาความปลอดภัยของทางตำรวจ
โดยขณะนี้ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีทำแผนในการออกตรวจรักษาความปลอดภัยให้มีความสัมพันธ์กันทั้งจังหวัดเพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งขณะในส่วนของการตั้งจุดตรวจต่างๆ ได้มีการดำเนินการแล้ว ซึ่งการตั้งจุดตรวจจุดสกัดนั้นจะมีความสัมพันธ์กันทุกสถานีตำรวจทั้ง 8 แห่ง