ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจท่องเที่ยวกองบังคับการ 5 จับชาวต่างชาติตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวบ 3 ผู้ต้องหา แจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งมีข้อมูลอันเป็นเท็จ” เผย 2 ผู้ต้องหาเคยถูกจับกุมดำเนินคดีมาแล้วอยู่ระหว่างการประกันตัว
วันนี้ (6 ก.พ.) พ.ต.ท.นาคพันธุ์ โพธา สารวัตรงานสืบสวน กก.5 บก.ทท. กล่าวถึงการจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติซึ่งเข้ามาตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 3 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ก.พ.55 ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ทาง กก.5 บก.ท่องเที่ยว (ภูเก็ต) ได้รับการประสานจากกองบังคับการปราบราม ในการขยายผลเพื่อทำการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวต่างชาติที่หลอกลวงประชาชนให้มาร่วมลงทุน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการจับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร
หลังจากได้รับการประสานทางชุดสืบสวน กก.5 บก.ทท.ได้มีการสอบสวนขยายผลจนทราบว่า ผู้ต้องหา คือ น.ส.อูเบร เปงซัน (Miss Aubry Pengson) และ น.ส.ซาราเบท เซอร์วิโต (Miss Sarabeth Servito) ชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งเคยถูกจับกุมที่ สน.วังทองหลาง ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง ซึ่งจะทำในลักษณะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอยู่ระหว่างการประกันตัว ได้ลักลอบมาทำงานกับนายพอล แอนโทนี แบร์เรต (Mr.Pual Antony Barret) ชาวอังกฤษ โดยย้ายที่ตั้งสำนักงานมาอยู่ที่ 246/3 ถนนผังเมืองสาย ก. ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
พ.ต.ท.นาคพันธุ์กล่าวต่อไปว่า หลังจากได้รับการประสานงานมา ทางชุดจับกุมก็ได้ ขอและนำหมายศาลจังหวัดภูเก็ต เลขที่ 26/2555 เข้าตรวจค้น อาคารพาณิชย์เลขที่ 246/3 ดังกล่าว เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และได้ทำการจับผู้ต้องหาทั้งหมด 3 ราย เป็นชาวฟิลิปปินส์ทั้งหมด ประกอบด้วย นางสาวอูเบร เปงซัน อายุ 31, น.ส.ซาราเบต เซอร์วิโต อายุ 31 ปี และนายเฮนรี คิง ลี อายุ 28 ปี
พร้อมด้วยของกลางคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ 1 เครื่อง โน้ตบุ๊ก 5 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม โทรศัพท์ตั้งโต๊ะ และโทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง โดยเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือแก็งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ โดยทั้ง 3 ให้การว่ามีนายพอล แอนโทนี แบร์เรต ชาวอังกฤษ เป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งได้หลบหนีไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัว และไม่มั่นใจหลบหนีออกนอกประเทศหรือยัง
พ.ต.ท.นาคพันธุ์ยังกล่าวต่อไปถึงพฤติกรรมการหลอกลวงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวว่า จะใช้ลักษณะของแอบอ้างใช้หน้าเว็บไซต์ที่มีอยู่จริงในต่างประเทศ และอ้างเป็นนายหน้าโทรศัพท์ติดต่อเชิญชวนเหยื่อให้มาลงทุนในลักษณะของตลาดหุ้นทองคำ และหุ้นน้ำมัน ซึ่งให้ผลตอบแทนสูง โดยให้เหยื่อโอนเงินมาให้ก่อน ซึ่งสร้างความเสียหายรวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท โดยเหยื่อส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งทราบว่าขณะนี้มีเจ้าทุกข์ผู้เสียหายได้ติดต่อผ่านทางสถานทูตอังกฤษเพื่อแจ้งความร้องทุกข์แล้วจำนวนหลายราย
