นราธิวาส - ทหารเดินเท้าลาดตระเวนบนเทือกเขากูนงจองนอง อ.ศรีสาคร หลังจากมีเบาะแสพบคนร้ายกบดานบนเทือกเขา เกิดเหตุปะทะกับกลุ่มติดอาวุธคนร้ายเสียชีวิต 1 หลบหนีไป 2 ราย ตรวจสอบพบมีเพิงพัก ระเบิดและอาวุธปืน
เมื่อเวลา 17.00 น.วานนี้ (2 ก.พ.) พ.ท.จักรพงษ์ เสลา ผบ.ฉก.นราธิวาส 37 ได้สั่งการให้ ร.อ.สรรเสริญ ไพรโสภา ผบ.ร้อย ร.3112 ฉก.นราธิวาส 37 นำกำลังรวม 24 นาย เดินเท้าขึ้นพิสูจน์ทราบบนเทือกเขากูนงจองนอง หลังหมู่บ้านไอร์แตแต ม.5 ต.กาหลง อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ซึ่งเชื่อมต่อระหว่าง อ.ศรีสาครกับ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ระยะทางประมาณ 4 กม.ภายหลังจากการขยายผลต่อเนื่องจากการเข้าพิสูจน์ทราบก่อนหน้านี้โดยชุดปฏิบัติการพิเศษ กองทัพภาคที่ 4 ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ได้แจ้งเบาะแสของกองกำลังติดอาวุธที่กบดานบนเทือกเขาเพื่อประชุมวางแผนเตรียมก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.ศรีสาคร
ทั้งนี้ ตามเส้นทางที่ลาดชัน รกทึบและเปียกชื้นจากฝนที่ตกลงมา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าด้วยความระมัดระวังและเป็นไปอย่างทุลักทุเล และก่อนถึงที่หมายประมาณ 100 เมตร กองกำลังติดอาวุธสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงเข้าใส่ ซึ่ง ร.อ.สรรเสริญ ผบ.ร้อย ร.3112 ได้สั่งให้ลูกน้องใช้ปืนประจำกายยิงตอบโต้กลุ่มคนร้ายเป็นระลอกๆ นานกว่า 10 นาที จนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วหมู่บ้าน กลุ่มคนร้ายที่มีจำนวน 3 คนเห็นว่าเสียเปรียบเนื่องจากมีกำลังน้อยกว่าจึงพยายามล่าถอยเพื่อหนีตาย แต่ ร.อ.สรรเสริญกับลูกน้องเปิดเกมรุกชนิดไม่ยั้งมือ จนสามารถวิสามัญฆาตกรรมกลุ่มอาร์เคเคได้ 1 ศพ ส่วนคนร้ายอีก 2 คนอาศัยความชำนาญในพื้นที่หนีตายไปได้อย่างหวุดหวิด
หลังจากนั้น ร.อ.สรรเสริญ พร้อมลูกน้องได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าคนร้ายที่เสียชีวิตถูกกระสุนปืนตามลำตัวพรุนทั้งร่าง ข้างกายมีอาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก โดยห่างไปประมาณ 20 เมตรมีการปลูกสร้างเป็นเพิงพักขนาดย่อมเพื่อใช้เป็นแหล่งซุกซ่อนตัวและประชุมวางแผนก่อการร้าย และจากการตรวจค้นภายในเพิงพักและบริเวณรอบๆ อย่างละเอียดพบระเบิดชนิดขว้างจำนวน 2 ลูก เอกสารปลุกระดม เครื่องยังชีพในป่า รวมทั้งอาวุธปืนพกสั้นอีก 3 กระบอกที่คาดว่าคนร้ายทำตกหล่นไว้ขณะวิ่งหลบหนีการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่ทหาร
ต่อมา พ.ท.จักรพงษ์ เสลา ผบ.ฉก.นราธิวาส 37 ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจภาคพื้นดินเพื่อจะลงทำการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ แต่เนื่องจากสภาพอากาศปิดอีกทั้งเป็นป่ารกทึบ จึงได้นำกำลังเดินเท้าขึ้นไปพร้อม พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตร รวมทั้งกำลังทหารตำรวจอีกจำนวนหนึ่งเพื่อทำการตรวจสอบว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร และมีรายชื่ออยู่ในแฟ้มประวัติคดีความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่อีกด้วย
เมื่อเวลา 17.00 น.วานนี้ (2 ก.พ.) พ.ท.จักรพงษ์ เสลา ผบ.ฉก.นราธิวาส 37 ได้สั่งการให้ ร.อ.สรรเสริญ ไพรโสภา ผบ.ร้อย ร.3112 ฉก.นราธิวาส 37 นำกำลังรวม 24 นาย เดินเท้าขึ้นพิสูจน์ทราบบนเทือกเขากูนงจองนอง หลังหมู่บ้านไอร์แตแต ม.5 ต.กาหลง อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ซึ่งเชื่อมต่อระหว่าง อ.ศรีสาครกับ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ระยะทางประมาณ 4 กม.ภายหลังจากการขยายผลต่อเนื่องจากการเข้าพิสูจน์ทราบก่อนหน้านี้โดยชุดปฏิบัติการพิเศษ กองทัพภาคที่ 4 ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ได้แจ้งเบาะแสของกองกำลังติดอาวุธที่กบดานบนเทือกเขาเพื่อประชุมวางแผนเตรียมก่อเหตุร้ายในพื้นที่ อ.ศรีสาคร
ทั้งนี้ ตามเส้นทางที่ลาดชัน รกทึบและเปียกชื้นจากฝนที่ตกลงมา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าด้วยความระมัดระวังและเป็นไปอย่างทุลักทุเล และก่อนถึงที่หมายประมาณ 100 เมตร กองกำลังติดอาวุธสังเกตเห็นเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงเข้าใส่ ซึ่ง ร.อ.สรรเสริญ ผบ.ร้อย ร.3112 ได้สั่งให้ลูกน้องใช้ปืนประจำกายยิงตอบโต้กลุ่มคนร้ายเป็นระลอกๆ นานกว่า 10 นาที จนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วหมู่บ้าน กลุ่มคนร้ายที่มีจำนวน 3 คนเห็นว่าเสียเปรียบเนื่องจากมีกำลังน้อยกว่าจึงพยายามล่าถอยเพื่อหนีตาย แต่ ร.อ.สรรเสริญกับลูกน้องเปิดเกมรุกชนิดไม่ยั้งมือ จนสามารถวิสามัญฆาตกรรมกลุ่มอาร์เคเคได้ 1 ศพ ส่วนคนร้ายอีก 2 คนอาศัยความชำนาญในพื้นที่หนีตายไปได้อย่างหวุดหวิด
หลังจากนั้น ร.อ.สรรเสริญ พร้อมลูกน้องได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าคนร้ายที่เสียชีวิตถูกกระสุนปืนตามลำตัวพรุนทั้งร่าง ข้างกายมีอาวุธปืนพกสั้น 1 กระบอก โดยห่างไปประมาณ 20 เมตรมีการปลูกสร้างเป็นเพิงพักขนาดย่อมเพื่อใช้เป็นแหล่งซุกซ่อนตัวและประชุมวางแผนก่อการร้าย และจากการตรวจค้นภายในเพิงพักและบริเวณรอบๆ อย่างละเอียดพบระเบิดชนิดขว้างจำนวน 2 ลูก เอกสารปลุกระดม เครื่องยังชีพในป่า รวมทั้งอาวุธปืนพกสั้นอีก 3 กระบอกที่คาดว่าคนร้ายทำตกหล่นไว้ขณะวิ่งหลบหนีการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่ทหาร
ต่อมา พ.ท.จักรพงษ์ เสลา ผบ.ฉก.นราธิวาส 37 ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจภาคพื้นดินเพื่อจะลงทำการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ แต่เนื่องจากสภาพอากาศปิดอีกทั้งเป็นป่ารกทึบ จึงได้นำกำลังเดินเท้าขึ้นไปพร้อม พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตร รวมทั้งกำลังทหารตำรวจอีกจำนวนหนึ่งเพื่อทำการตรวจสอบว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร และมีรายชื่ออยู่ในแฟ้มประวัติคดีความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่อีกด้วย
