นครศรีธรรมราช - สนธิกำลังทลายเครือข่ายค้ายานรกผ่านเรือนจำใหญ่ที่สุดในประเทศ รวบทันควัน 8 ราย พร้อมของกลางอื้อ โดยมีผู้ใหญ่บ้านและน้องชายรวมอยู่ด้วย เผยเดนคุกช่วยดันยอดขายบูม ทำให้ราคามือถือที่ลักลอบส่งให้คนสั่งการในเรือนจำพุ่ง 3-4 แสน/เครื่อง
วันนี้ (2 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การติดตามไล่ล่าเครือข่ายยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างเข้มข้น โดยตั้งแต่ช่วงบ่ายของวานนี้ (1 ก.พ.) มีการจับกุมผู้ต้องหาได้เป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งยึดของกลางเป็นยาเสพติด อาวุธปืน และยึดทรัพย์สินได้หลายรายการ
โดยรายแรกนั้น พ.ต.ท.กษิย์เดช ชาญกัน สวป.สภ.พรหมคีรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อำนาจเจ้าพนักงาน ปปส.เข้าทำการตรวจค้นจับกุม นายสุธี วุฒิปรีชา หรือผู้ใหญ่บ่าว อายุ 35 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.นาเรียง อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช อยู่บ้านเลขที่ 18/1 หมู่ 8 ต.นาเรียง อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช และนายสิทธิพร วุฒิปรีชา หรือบ่าว อายุ 26 ปี น้องชายของนายสุธี พร้อมของกลางยาไอซ์ จำนวน 9 ถุง หนักรวม 11.15 กรัม กัญชาแท่ง และตรวจยึดอาวุธปืนพร้อมทรัพย์สินหลายรายการ ซึ่งมีเครือข่ายเชื่อมโยงกับนักโทษในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช
รายต่อมา นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งการให้นายอำพล สังข์ทอง หน.ชุดฉก.ศรีวิชัย เข้าสืบสวนจับกุม นายศักดิ์สิทธิ์ หงส์ทอง อายุ 29 ปี อยู่ 80/18 ซ.เสรีภาพ ต.ในเมือง อ.เมือง ได้มาเช่าบ้านเลขที่ 153/50 ซอยชลธิชา ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช เป็นเอเย่นต์ยาไอซ์รายใหญ่ในพื้นที่ อ.เมือง โดยมีเครือข่ายสั่งการโยงใยจากนักโทษในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช
ซึ่งจากการล่อซื้อและจับกุมนั้น สามารถยึดยาไอซ์บรรจุถุงมีน้ำหนักแตกต่างกันรวม 13 ถุง มูลค่านับแสนบาท และยาบ้าบรรจุถุงประมาณถุงละ 50 เม็ดรวมประมาณ 450 เม็ด มูลค่าประมาณ 1.8 แสนบาท
และในช่วงเวลาห่างกันไม่นาน พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประวิทย์ จันทบัติ ผกก.สภ.ร่อนพิบูลย์ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหาแก๊งค้ายาเสพติดได้ 4 ราย คือนายวิโชต ศรีชัย อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/7 ม.8 ต.ร่อนพิบูลย์, นางรัชฎาพร อ่ำลอย อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115 ม.8 ต.ร่อนพิบูลย์, นายยุทธนา ชูแก้ว อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115 ม.8 ต.ร่อนพิบูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช และนายวุฒิศักดิ์ กาญจนเสนา อายุ 30 ปี
โดยมีของกลางเป็นยาไอซ์ 13 ถุง หนัก 1.35 กรัม, อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก, ปืนขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก ปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์ 3 กระบอก และปืนยาวไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก นอกจากนั้นยังมีกระสุนปืนชนิดต่างๆ จำนวน 225 นัด โทรศัพท์มือถือ 10 เครื่อง เงินสดจำนวนหนึ่ง และยังมีรถจักรยานยนต์ 6 คัน รถยนต์กระบะ 1 คัน
แหล่งข่าวในชุดสืบสวนหาข่าวยาเสพติดรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ยาเสพติดระบาดอย่างหนักในขณะนี้เนื่องจากมีผู้เสพเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เป็นที่น่าสังเกตว่า เดิมทีกลุ่มผู้เสพนั้นจะอยู่ในกลุ่มอายุ 30 ลงมา แต่ล่าสุดนั้นกลับพบว่าในกลุ่มวัยกลางคนอายุ 40 ขึ้นไปนั้น มีการเสพยาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะยาไอซ์ผู้ที่สามารถขยายเครือข่ายได้เป็นอย่างดี คือ นักโทษในเรือนจำ
โดยนักโทษในคดีค้าจะเชื่อมโยงกับนักโทษในคดีอาชญากรรมอื่นๆ ที่จะหลุดคดีพ้นโทษได้ก่อนออกมาขยายเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว เงินสะพัดในเรือนจำมากกว่าอยู่ภายนอกด้วยซ้ำ โดยเฉพาะราคาโทรศัพท์มือถือในเรือนจำนครศรีธรรมราช มีราคาสูงถึงเครื่องละกว่า 3.5 แสนบาทแล้ว เนื่องจากเมื่อโทรศัพท์มือถือหลุดรอดเข้าไปได้จะเป็นที่ต้องการของนักโทษกลุ่มค้ายาจำนวนมาก
“ปัจจุบันนักโทษที่เป็นกลุ่มผู้ค้า ผู้บริหารการสั่งซื้อยาเสพติดในเรือนจำนั้น จะนิยมใช้ระบบแบล็กเบอร์รี จะสามารถใช้ระบบบีบีแมสเซส โดยไม่ต้องใช้การโทรศัพท์เพื่อหลบเลี่ยง จะมีการติดต่อกันเฉพาะในเวลาที่นัดหมายกันเท่านั้น ถ้าแบล็กเบอร์รีเข้าไปนั้นราคาอาจพุ่งไปถึงเครื่องละ 4 แสนบาท” แหล่งข่าวรายนี้กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการติดตามตัวนักโทษ คือ นายวาสิทธิ์ สมวงศ์ หรือ เล็ก อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 267 ม.1 ต.ช้างกลาง อ.ช้างกลาง นครศรีธรรมราช ซึ่งถือเป็นผู้ต้องหายาเสพติดคนสำคัญเนื่องจากมีเครือข่ายค่อนข้างมาก มีเงินหมุนเวียนหลายล้านบาท โดย นายวาสิทธิ์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.54 พร้อมของกลางยาบ้า 3,800 เม็ด ซึ่งถูกจองจำในระหว่างการดำเนินคดี ได้หลบหนีในระหว่างที่ถูกนำมารักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ไปพร้อมกับเครื่องตรวนพันธนาการ เมื่อ 3 วันก่อน โดยที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ปิดเรื่องนี้เงียบจนเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ข้อมูลจากชุดสืบสวนเองจนเรื่องแดงขึ้น
ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (2 ก.พ.) นายสุภาพงศ์ สุวรรณมาลย์ เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญงาน เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ผู้รับมอบอำนาจจาก นายณรงค์ ยงค์ณรงค์เดชกุล ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.ศิรพงศ์ โพธิ์พัฒน์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช กรณี นายวาสิทธิ์ สมวงศ์ ผู้ต้องขังหลบหนีในระหว่างการควบคุม โดยเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งความและรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว
ขณะที่ พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เป็นแหล่งเครือข่ายค้ายาเสพติดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย รองจากเรือนจำเขาบิน ที่เป็นข่าวทลายแก๊งในเรือนจำทั้งผู้คุมและนักโทษนั้น ตนได้ร่วมกับหลายฝ่ายสืบสวนดำเนินการนานนับเดือนเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็น ผบก.จ.สุรินทร์ ก่อนย้ายมาที่นครศรีธรรมราช เมื่อ 2-3 เดือนก่อน ถือว่าประสบความสำเร็จมาก
“ในส่วนของเรือนจำนครศรีธรรมราชนั้น บอกได้เพียงว่ากำลังดำเนินการขอเวลาอีกไม่นาน แต่ขอยังไม่เปิดเผยว่าจะทำอย่างไร เรากำลังทำข้อมูล ขอให้ติดตามการทำงานของตำรวจบอกได้เพียงว่าขณะนี้เราไว้ใจใครไม่ได้เลย ในเรื่องของโทรศัพท์ที่เข้าไปนั้นมันมีที่มาที่ไป ที่จะเข้าไปได้เป็นเหตุให้มีราคาสูงหลายแสนบาทในเวลานี้ ส่วนที่เจ้าหน้าที่เรือนจำทิ้งระยะไว้หลังจากเกิดเหตุนักโทษหนีแล้วหลายวันถึงมาแจ้งความนั้น เข้าใจว่าพยายามที่จะตามตัวนักโทษเอง แต่เมื่อตามไม่ได้แล้วจึงมาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ” ผบก.นครศรีธรรมราช กล่าว
วันนี้ (2 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การติดตามไล่ล่าเครือข่ายยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างเข้มข้น โดยตั้งแต่ช่วงบ่ายของวานนี้ (1 ก.พ.) มีการจับกุมผู้ต้องหาได้เป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งยึดของกลางเป็นยาเสพติด อาวุธปืน และยึดทรัพย์สินได้หลายรายการ
โดยรายแรกนั้น พ.ต.ท.กษิย์เดช ชาญกัน สวป.สภ.พรหมคีรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อำนาจเจ้าพนักงาน ปปส.เข้าทำการตรวจค้นจับกุม นายสุธี วุฒิปรีชา หรือผู้ใหญ่บ่าว อายุ 35 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.นาเรียง อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช อยู่บ้านเลขที่ 18/1 หมู่ 8 ต.นาเรียง อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช และนายสิทธิพร วุฒิปรีชา หรือบ่าว อายุ 26 ปี น้องชายของนายสุธี พร้อมของกลางยาไอซ์ จำนวน 9 ถุง หนักรวม 11.15 กรัม กัญชาแท่ง และตรวจยึดอาวุธปืนพร้อมทรัพย์สินหลายรายการ ซึ่งมีเครือข่ายเชื่อมโยงกับนักโทษในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช
รายต่อมา นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งการให้นายอำพล สังข์ทอง หน.ชุดฉก.ศรีวิชัย เข้าสืบสวนจับกุม นายศักดิ์สิทธิ์ หงส์ทอง อายุ 29 ปี อยู่ 80/18 ซ.เสรีภาพ ต.ในเมือง อ.เมือง ได้มาเช่าบ้านเลขที่ 153/50 ซอยชลธิชา ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช เป็นเอเย่นต์ยาไอซ์รายใหญ่ในพื้นที่ อ.เมือง โดยมีเครือข่ายสั่งการโยงใยจากนักโทษในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช
ซึ่งจากการล่อซื้อและจับกุมนั้น สามารถยึดยาไอซ์บรรจุถุงมีน้ำหนักแตกต่างกันรวม 13 ถุง มูลค่านับแสนบาท และยาบ้าบรรจุถุงประมาณถุงละ 50 เม็ดรวมประมาณ 450 เม็ด มูลค่าประมาณ 1.8 แสนบาท
และในช่วงเวลาห่างกันไม่นาน พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประวิทย์ จันทบัติ ผกก.สภ.ร่อนพิบูลย์ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหาแก๊งค้ายาเสพติดได้ 4 ราย คือนายวิโชต ศรีชัย อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56/7 ม.8 ต.ร่อนพิบูลย์, นางรัชฎาพร อ่ำลอย อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115 ม.8 ต.ร่อนพิบูลย์, นายยุทธนา ชูแก้ว อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115 ม.8 ต.ร่อนพิบูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช และนายวุฒิศักดิ์ กาญจนเสนา อายุ 30 ปี
โดยมีของกลางเป็นยาไอซ์ 13 ถุง หนัก 1.35 กรัม, อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก, ปืนขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก ปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์ 3 กระบอก และปืนยาวไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก นอกจากนั้นยังมีกระสุนปืนชนิดต่างๆ จำนวน 225 นัด โทรศัพท์มือถือ 10 เครื่อง เงินสดจำนวนหนึ่ง และยังมีรถจักรยานยนต์ 6 คัน รถยนต์กระบะ 1 คัน
แหล่งข่าวในชุดสืบสวนหาข่าวยาเสพติดรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ยาเสพติดระบาดอย่างหนักในขณะนี้เนื่องจากมีผู้เสพเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เป็นที่น่าสังเกตว่า เดิมทีกลุ่มผู้เสพนั้นจะอยู่ในกลุ่มอายุ 30 ลงมา แต่ล่าสุดนั้นกลับพบว่าในกลุ่มวัยกลางคนอายุ 40 ขึ้นไปนั้น มีการเสพยาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะยาไอซ์ผู้ที่สามารถขยายเครือข่ายได้เป็นอย่างดี คือ นักโทษในเรือนจำ
โดยนักโทษในคดีค้าจะเชื่อมโยงกับนักโทษในคดีอาชญากรรมอื่นๆ ที่จะหลุดคดีพ้นโทษได้ก่อนออกมาขยายเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว เงินสะพัดในเรือนจำมากกว่าอยู่ภายนอกด้วยซ้ำ โดยเฉพาะราคาโทรศัพท์มือถือในเรือนจำนครศรีธรรมราช มีราคาสูงถึงเครื่องละกว่า 3.5 แสนบาทแล้ว เนื่องจากเมื่อโทรศัพท์มือถือหลุดรอดเข้าไปได้จะเป็นที่ต้องการของนักโทษกลุ่มค้ายาจำนวนมาก
“ปัจจุบันนักโทษที่เป็นกลุ่มผู้ค้า ผู้บริหารการสั่งซื้อยาเสพติดในเรือนจำนั้น จะนิยมใช้ระบบแบล็กเบอร์รี จะสามารถใช้ระบบบีบีแมสเซส โดยไม่ต้องใช้การโทรศัพท์เพื่อหลบเลี่ยง จะมีการติดต่อกันเฉพาะในเวลาที่นัดหมายกันเท่านั้น ถ้าแบล็กเบอร์รีเข้าไปนั้นราคาอาจพุ่งไปถึงเครื่องละ 4 แสนบาท” แหล่งข่าวรายนี้กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการติดตามตัวนักโทษ คือ นายวาสิทธิ์ สมวงศ์ หรือ เล็ก อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 267 ม.1 ต.ช้างกลาง อ.ช้างกลาง นครศรีธรรมราช ซึ่งถือเป็นผู้ต้องหายาเสพติดคนสำคัญเนื่องจากมีเครือข่ายค่อนข้างมาก มีเงินหมุนเวียนหลายล้านบาท โดย นายวาสิทธิ์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.54 พร้อมของกลางยาบ้า 3,800 เม็ด ซึ่งถูกจองจำในระหว่างการดำเนินคดี ได้หลบหนีในระหว่างที่ถูกนำมารักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ไปพร้อมกับเครื่องตรวนพันธนาการ เมื่อ 3 วันก่อน โดยที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ปิดเรื่องนี้เงียบจนเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ข้อมูลจากชุดสืบสวนเองจนเรื่องแดงขึ้น
ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (2 ก.พ.) นายสุภาพงศ์ สุวรรณมาลย์ เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญงาน เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ผู้รับมอบอำนาจจาก นายณรงค์ ยงค์ณรงค์เดชกุล ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.ศิรพงศ์ โพธิ์พัฒน์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช กรณี นายวาสิทธิ์ สมวงศ์ ผู้ต้องขังหลบหนีในระหว่างการควบคุม โดยเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งความและรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว
ขณะที่ พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เป็นแหล่งเครือข่ายค้ายาเสพติดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย รองจากเรือนจำเขาบิน ที่เป็นข่าวทลายแก๊งในเรือนจำทั้งผู้คุมและนักโทษนั้น ตนได้ร่วมกับหลายฝ่ายสืบสวนดำเนินการนานนับเดือนเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็น ผบก.จ.สุรินทร์ ก่อนย้ายมาที่นครศรีธรรมราช เมื่อ 2-3 เดือนก่อน ถือว่าประสบความสำเร็จมาก
“ในส่วนของเรือนจำนครศรีธรรมราชนั้น บอกได้เพียงว่ากำลังดำเนินการขอเวลาอีกไม่นาน แต่ขอยังไม่เปิดเผยว่าจะทำอย่างไร เรากำลังทำข้อมูล ขอให้ติดตามการทำงานของตำรวจบอกได้เพียงว่าขณะนี้เราไว้ใจใครไม่ได้เลย ในเรื่องของโทรศัพท์ที่เข้าไปนั้นมันมีที่มาที่ไป ที่จะเข้าไปได้เป็นเหตุให้มีราคาสูงหลายแสนบาทในเวลานี้ ส่วนที่เจ้าหน้าที่เรือนจำทิ้งระยะไว้หลังจากเกิดเหตุนักโทษหนีแล้วหลายวันถึงมาแจ้งความนั้น เข้าใจว่าพยายามที่จะตามตัวนักโทษเอง แต่เมื่อตามไม่ได้แล้วจึงมาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ” ผบก.นครศรีธรรมราช กล่าว