ศูนย์ข่าวภูเก็ต-ทีมสารวัตรนักเรียนศูนย์เสมารักษ์ภูเก็ตสนธิกำลังฝ่ายปกครองอำเภอและตำรวจเมืองภูเก็ต ควบคุมเด็กหนีเรียนได้ 21 รายพบมีสารเสพติดในร่างกาย 5 ราย วอนผู้ปกครองใส่ใจพฤติกรรมบุตรหลาน จำกัดการใช้เงิน จำกัดเวลาเที่ยวเตร่ โดยเฉพาะในยามวิกาล
นายเกรียงไกร บุญตา รองหัวหน้าศูนย์เสมารักษ์ จังหวัดภูเก็ต เปิดเผยถึงการติดตามควบคุมเด็กนักเรียนในระบบ ที่มีพฤติกรรมหนีเที่ยว และเกี่ยวข้องกับยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า ขณะนี้ตนพร้อมด้วย นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาภูเก็ต และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และ ติดตามควบคุมตัวเด็กนักเรียนที่มีพฤติกรรมหนีเที่ยว ไม่เข้าเรียน และมีพฤติกรรมที่เกี่ยวกับยาเสพติด มาอย่างต่อเนื่อง
เฉพาะเมื่อวันที่ 30 ม.ค.เพียงวันเดียว เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเด็กนักเรียนซึ่งทั้งหมดเป็นเด็กนักเรียนชายของโรงเรียนต่างๆ อายุประมาณ 13-14 ปี ที่มีพฤติกรรมหนีเรียน และเสพสิ่งเสพติด รวมทั้งมั่วสุม สร้างความเดือดร้อนให้กับบุคคลอื่นๆ มาสอบถามและทำประวัติ จำนวน 21 ราย ในจำนวนนั้นมีนักเรียนที่มีพฤติกรรมเสพยาเสพติดจำนวน 5 ราย หลังจากควบคุมตัวมาทางศูนย์เสมารักษ์ได้แจ้งครูอาจารย์ต้นสังกัด และผู้ปกครองมารับทราบพฤติกรรมของเด็กด้วย
นายเกรียงไกร กล่าวต่อไปว่า เด็กนักเรียนที่ถูกควบคุมตัวในครั้งนี้ส่วนใหญ่จะหนีเรียนและไปมั่วสุมตามสถานที่ต่าง ที่ผับร้าง ในเขตพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งจากการควบคุมตัวเด็กในครั้งนี้พบว่าของกลางหลายอย่าง เช่น ยาแก้อักเสบชนิดแคปซูลเม็ดสีเหลืองเขียว น้ำโค้ก ยาแก้ไอ และจากการสอบถามในเบื้องต้น บางคนรับว่ามีการเสพยาบ้า และ ยาไอซ์ มาก่อนที่จะถูกควบคุมตัว
นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า พฤติกรรมของเด็กนักเรียนที่ชอบกระทำผิด ที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผ่านสายด่วน 1579 ของกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมแสดงความไม่เหมาะสมในลักษณะชู้สาวในที่สาธารณะ เช่นกอดจูบ ซึ่งเป็นภาพที่ไม่เหมาะสมกับเยาวชน ซึ่งปัญหาที่หนักใจมากที่สุด เพราะจากรายงานที่ได้รับจากทีมแพทย์โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต พบว่ามีเด็กตั้งท้องก่อนวัยอันควรมีสถิติเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา จำนวน 2 ราย
“ส่วนปัญหารองลงมา คือ ยาเสพติด และ การสูบบุหรี่ ซึ่งส่วนใหญ่จะพบในเด็กนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จับได้ในจังหวะหนีเรียนแล้วเรียกมาตรวจปัสสาวะ กรณีที่ตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย ก็จะแจ้งไปทางฝ่ายปกครองมาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป” นายเกรียงไกร กล่าวและว่า
ทั้งนี้ตนขอฝากไปยังผู้ปกครองขอให้ดูแลพฤติกรรมของบุตรหลาน อย่างใกล้ชิดมากขึ้น รวมทั้งสักเกตว่าเด็กในปกครองมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ถ้ามีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงก็จะต้องหาสาเหตุ รวมทั้งจะต้องจำกัดการใช้เงิน การเที่ยวเตร่ช่วงยามวิกาลให้น้อยลง เพราะการปล่อยให้บุตรหลานไปเที่ยวกลางคืนโดยไม่มีผู้ปกครองดูแลจะนำบุตรหลานของท่านไปสู่วงจรไม่ดี