ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 8 จัดสัมมนาเชิงวิชาการ แนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน
วันนี้ (16 ม.ค.) ที่โรงแรม บีพี สมิหลา บีช สงขลา คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการแก้ปัญหาน้ำท่วมและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการแก้ปัญหาน้ำท่วม และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร จัดสัมมนาเชิงวิชาการแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน มี นายพิรสิญจ์ พันธุ์เพ็ง รองผู้ว่าราชการ จ.สงขลา นายวิรัตน์ กัลป์ยาศิริ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ และ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.จ.สงขลา รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมในการจัดสัมมนา
นายวิรัตน์ กัลป์ยาศิริ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ เปิดเผยว่า ปัญหาน้ำท่วม จ.สงขลา มีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มขึ้น จึงจัดสัมมนาเพื่อศึกษารูปแบบแนวคลองผันน้ำ ที่สามารถใช้ร่วมกับแนวถนน ทางหลวงพิเศษระหว่างถนนทางหลวงหมายเลข 43 อ.บางกล่ำ-ชายแดนมาเลเซีย ได้อย่างสอดคล้องและสามารถบูรณาการ การใช้ประโยชน์ได้อย่างลงตัวในหลายๆ ด้าน และยังต้องการเร่งระบายน้ำหลากที่มีปริมาณมาก โดยการใช้คลองผันน้ำหลากนำน้ำออกสู่ทะเลสาบสงขลาโดยตรง เป็นโครงการที่สอดคล้องกับความต้องการและปัญหาที่เกิดขึ้นและ เพื่อลดความเสียหายที่เกิดจากอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา
“การบูรณาการการพัฒนากับระบบขนส่งและการพัฒนาด้านอื่นๆ อีกทั้งสามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้งได้ไม่น้อยกว่า 2 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งสามารถนำไปใช้สนับสนุนผลิตน้ำประปา เพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชน”
วันนี้ (16 ม.ค.) ที่โรงแรม บีพี สมิหลา บีช สงขลา คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการแก้ปัญหาน้ำท่วมและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการแก้ปัญหาน้ำท่วม และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร จัดสัมมนาเชิงวิชาการแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน มี นายพิรสิญจ์ พันธุ์เพ็ง รองผู้ว่าราชการ จ.สงขลา นายวิรัตน์ กัลป์ยาศิริ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ และ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.จ.สงขลา รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมในการจัดสัมมนา
นายวิรัตน์ กัลป์ยาศิริ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ เปิดเผยว่า ปัญหาน้ำท่วม จ.สงขลา มีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มขึ้น จึงจัดสัมมนาเพื่อศึกษารูปแบบแนวคลองผันน้ำ ที่สามารถใช้ร่วมกับแนวถนน ทางหลวงพิเศษระหว่างถนนทางหลวงหมายเลข 43 อ.บางกล่ำ-ชายแดนมาเลเซีย ได้อย่างสอดคล้องและสามารถบูรณาการ การใช้ประโยชน์ได้อย่างลงตัวในหลายๆ ด้าน และยังต้องการเร่งระบายน้ำหลากที่มีปริมาณมาก โดยการใช้คลองผันน้ำหลากนำน้ำออกสู่ทะเลสาบสงขลาโดยตรง เป็นโครงการที่สอดคล้องกับความต้องการและปัญหาที่เกิดขึ้นและ เพื่อลดความเสียหายที่เกิดจากอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา
“การบูรณาการการพัฒนากับระบบขนส่งและการพัฒนาด้านอื่นๆ อีกทั้งสามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้งได้ไม่น้อยกว่า 2 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งสามารถนำไปใช้สนับสนุนผลิตน้ำประปา เพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชน”
