ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - แก้ไขปัญหายาง ระวัง “เตะหมูเข้าปากหมา” เพราะแก้ไขช้าไปแล้ว สิ้นเดือนมกราคมนี้ “ยาง” ทุกกิโลกรัมจะตกไปอยู่กับมือพ่อค้าหมด ชี้ คนแก้ไขปัญหายางมือไม่ถึง ไม่มีความรู้ สงสัยฮั้วกลุ่มทุน ตอนนี้ราคา “ยาง” เท่าต้นทุนการผลิต ปีนี้ยางหาย “40 เปอร์เซ็นต์” ประสบจากภัยธรรมชาติ ความจริงราคาดี เสนอตั้งกองทุนแบบน้ำมัน แก้ปัญหาถาวร แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ
นายวัน เผือกนุช สมาชิกเครือข่ายชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสยท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวสวนยางกำลังประสบภาวะวิกฤตกับปัญหาราคาตกต่ำมาแล้วประมาณ 4 เดือน และในขณะนี้ราคาตกมาเท่ากับต้นทุนการผลิตแล้ว ราคา 83 บาท/กก.ในขณะที่การแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำรัฐบาลได้รับการแก้ไขที่ล้าช้ามาก ขณะนี้เหลือเวลาประมาณ 20 วันสิ้นเดือนมกราคม ก็หมดเวลา และหากช่วยเหลือหลังจากนั้น ในที่สุดก็เข้าทางพ่อค้าผู้ส่งออกยางทันที
“หากจะช่วยเหลือชาวสวนยางก็ทำการช่วยเหลือในระยะเร่งด่วนภายใน 20 วันนี้ เพราะจะต้องเทขาย เพื่อทำการปิดหน้ายาง สิ้นเดือนมกราคมนี้ภาคใต้ตอนบน ก็ถึงฤดูกาลยางผลัดใบ แล้วจะไปเปิดหน้ายางเอาเดือนพฤษภาคม จึงมีความจำเป็นต้องขาย”
ดังนั้น หากมีการแก้ไขราคายางหลังจากเดือนมกราคมนี้ เท่ากับเอาอ้อยเข้าปากช้างทันที พ่อค้าจะได้รับผลประโยชน์เต็มๆ ในรัฐบาลนี้ในการแก้ไขปัญหายาง ไม่มีผู้มีความรู้ และแก้ไขไม่เป็น และไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับพ่อยางหรือไม่ สิ้นเดือนนี้ยางก็จะตกไปอยู่กับพ่อค้าผู้ส่งออกทุกกิโลกรัมชาวสวนยางมีแต่สูญเสียอย่างเดียว” นายวัน กล่าวต่ออีกว่า
การแก้ไขปัญหายางได้นำเสนอเข้าที่ประชุมมาตลอด โดยให้ทำเป็นกองทุนยาง เช่นเดียวกับกองทุนน้ำมัน เพื่อนำมาแก้ไขเวลายางมีปัญหา โดยนำเงินไม่จำเป็นต้องเอางบประมาณของรัฐบาล เพียงแต่เอาเงินเซส ที่เก็บจากชาวสวนยาง 5 บาท/กก.ซึ่งได้แต่ละปีประมาณ 15,000 ล้าน มาเป็นกองทุน แต่กลับไม่ได้รับการสนใจสนับสนุน และแต่ละครั้งในการนำเสนอปัญหาต่างๆ จะต้องได้รับการแทรกแซงล็อบบี้มาตลอด
แต่เมื่อเอาเงินมาเป็นกองทุนยางก็สามารถบริหารให้บรรดาสหกรณ์ต่างๆ นำไปใช้ในการรับซื้อยางยางเกิดภาวะผันผวน แล้วนำยางไปเก็บไว้ตามสถานที่ต่างๆ ของรัฐบาล เช่น โรงงานอัดก้อนยาง เป็นต้น เมื่อได้ราคาดีก็ออกขาย ซึ่งการตั้งกองทุนยาง จะเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ไม่ต่างกับกองทุนน้ำมัน แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการให้
“ตอนนี้ราคายางตกต่ำมาก ไม่ทราบว่ามาจากปัญหาอะไร ขณะที่ยางขาดตลาดไปประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์โดยภาพรวมของยาง 3 ล้านตัน ปัจจัยเนื่องปัญหาทางธรรมชาติ จากที่เคยกรีดยางได้ 180 วัน ตอนนี้เหลือมากรีดได้เพียง 120 วันเท่านั้น ความจริงราคาขณะนี้ไม่ใช่ 83 บาท/กก.เพราะตลาดยังมีความต้องการอีกมาก ที่ผ่านมาชาวสวนยางเห็นใจรัฐบาลมาตลอด เนื่องจากประสบกับปัญหาน้ำท่วม หาไม่แล้วปิดถนนประท้วงแล้ว แต่ท้ายสุดจะต้องมีมาตรการแข็งกร้าวแน่” นายวัน กล่าวทิ้งท้าย
นายวัน เผือกนุช สมาชิกเครือข่ายชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสยท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวสวนยางกำลังประสบภาวะวิกฤตกับปัญหาราคาตกต่ำมาแล้วประมาณ 4 เดือน และในขณะนี้ราคาตกมาเท่ากับต้นทุนการผลิตแล้ว ราคา 83 บาท/กก.ในขณะที่การแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำรัฐบาลได้รับการแก้ไขที่ล้าช้ามาก ขณะนี้เหลือเวลาประมาณ 20 วันสิ้นเดือนมกราคม ก็หมดเวลา และหากช่วยเหลือหลังจากนั้น ในที่สุดก็เข้าทางพ่อค้าผู้ส่งออกยางทันที
“หากจะช่วยเหลือชาวสวนยางก็ทำการช่วยเหลือในระยะเร่งด่วนภายใน 20 วันนี้ เพราะจะต้องเทขาย เพื่อทำการปิดหน้ายาง สิ้นเดือนมกราคมนี้ภาคใต้ตอนบน ก็ถึงฤดูกาลยางผลัดใบ แล้วจะไปเปิดหน้ายางเอาเดือนพฤษภาคม จึงมีความจำเป็นต้องขาย”
ดังนั้น หากมีการแก้ไขราคายางหลังจากเดือนมกราคมนี้ เท่ากับเอาอ้อยเข้าปากช้างทันที พ่อค้าจะได้รับผลประโยชน์เต็มๆ ในรัฐบาลนี้ในการแก้ไขปัญหายาง ไม่มีผู้มีความรู้ และแก้ไขไม่เป็น และไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับพ่อยางหรือไม่ สิ้นเดือนนี้ยางก็จะตกไปอยู่กับพ่อค้าผู้ส่งออกทุกกิโลกรัมชาวสวนยางมีแต่สูญเสียอย่างเดียว” นายวัน กล่าวต่ออีกว่า
การแก้ไขปัญหายางได้นำเสนอเข้าที่ประชุมมาตลอด โดยให้ทำเป็นกองทุนยาง เช่นเดียวกับกองทุนน้ำมัน เพื่อนำมาแก้ไขเวลายางมีปัญหา โดยนำเงินไม่จำเป็นต้องเอางบประมาณของรัฐบาล เพียงแต่เอาเงินเซส ที่เก็บจากชาวสวนยาง 5 บาท/กก.ซึ่งได้แต่ละปีประมาณ 15,000 ล้าน มาเป็นกองทุน แต่กลับไม่ได้รับการสนใจสนับสนุน และแต่ละครั้งในการนำเสนอปัญหาต่างๆ จะต้องได้รับการแทรกแซงล็อบบี้มาตลอด
แต่เมื่อเอาเงินมาเป็นกองทุนยางก็สามารถบริหารให้บรรดาสหกรณ์ต่างๆ นำไปใช้ในการรับซื้อยางยางเกิดภาวะผันผวน แล้วนำยางไปเก็บไว้ตามสถานที่ต่างๆ ของรัฐบาล เช่น โรงงานอัดก้อนยาง เป็นต้น เมื่อได้ราคาดีก็ออกขาย ซึ่งการตั้งกองทุนยาง จะเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ไม่ต่างกับกองทุนน้ำมัน แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการให้
“ตอนนี้ราคายางตกต่ำมาก ไม่ทราบว่ามาจากปัญหาอะไร ขณะที่ยางขาดตลาดไปประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์โดยภาพรวมของยาง 3 ล้านตัน ปัจจัยเนื่องปัญหาทางธรรมชาติ จากที่เคยกรีดยางได้ 180 วัน ตอนนี้เหลือมากรีดได้เพียง 120 วันเท่านั้น ความจริงราคาขณะนี้ไม่ใช่ 83 บาท/กก.เพราะตลาดยังมีความต้องการอีกมาก ที่ผ่านมาชาวสวนยางเห็นใจรัฐบาลมาตลอด เนื่องจากประสบกับปัญหาน้ำท่วม หาไม่แล้วปิดถนนประท้วงแล้ว แต่ท้ายสุดจะต้องมีมาตรการแข็งกร้าวแน่” นายวัน กล่าวทิ้งท้าย
