สุราษฎร์ธานี-นายก อบจ.สุราษฎร์ฯเข้าแจ้งความกลับ ส.อบจ. ข้อหาแจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาททำให้เสียชื่อเสียง ทั้งอาญาและแพ่งเรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน หลังถูกกล่าวหาเรียกรับค่านายหน้าจากการซื้อรถยนต์
นายมนตรี เพชรขุ้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี (อบจ.) พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ ทองพัฒน์ ทนายความประจำตัว และนายวิศิษฐ์ สังข์ทอง เลขาฯส่วนตัว พร้อมพยานหลักฐาน ที่เป็นรายชื่อของสมาชิก อบจ.เขตอำเภอต่าง ๆและสำเนาข่าวที่นำเสนอผ่านสื่อ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ศิริพงษ์ จะรา พนักงานสอบสวนเวรอาญา สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อดำเนินคดีกับ นายก่อเกียรติ อินทรักษ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.)เขตอำเภอบ้านนาสาร กับพวกจำนวน 19 คน ฐานแจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาทดูหมิ่นทำให้เสียชื่อเสียง
หลังจากที่นายก่อเกียรติ อินทรักษ์ ส.อบจ. เขตอำเภอบ้านนาสารกับพวก เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี กล่าวหาว่า นายพิสัณห์ ทองโมถ่าย เลขานุการนายมนตรี เพชรขุ้ม นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี และนายมนตรี เพชรขุ้ม นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี เรียกรับเงินค่านายหน้าจากบริษัท ประจักษ์อุตสาหกรรม(1982) จำกัด เป็นจำนวนเงิน 154,640 บาท จากการที่ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้อนุมัติเงินจัดชื้อรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ เมื่อปี 2553 โดยแจ้งความเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมาจนมีการเสนอข่าวผ่านสื่อหลายแขนง
นายมนตรี เพชรขุ้ม นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า กลุ่มผู้ที่มาแจ้งความเอาผิดกับตนเองนั้น เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ทำให้เสียชื่อเสียง ขณะเดียวกันเท่าที่ทราบ ส.อบจ.บางคนก็ไม่รู้เรื่องกับการนำรายชื่อมาแจ้งความ
ส่วนกรณีของนายพิสันห์ ทองโมถ่าย เลขานุการ ตั้งแต่ตนทราบเรื่องได้ตั้งกรรมการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงระหว่างการให้และรับเงินของนายพิสัณห์ของบริษัท หากเข้าข่ายผิดกฎหมายทางผู้รับจะต้องรับผิดชอบ และเรื่องดังกล่าวก็อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบของ สตง. ทางตนพร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงกับทางเจ้าหน้าที่
ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องส่วนตัวของนายพิสัณห์กับทางบริษัท ดังนั้น การที่นายก่อเกียรติ กับพวกแจ้งความเอาผิดกับตน จนมีการเสนอข่าวผ่านสื่อนั้นทำให้ตนเองได้รับเสียหายต่อเกียรติยศและชื่อเสียงเป็นอย่างมาก จึงแจ้งความกลับเพื่อดำเนินคดีทั้งคดีอาญาและทางแพ่ง
ด้านนายสมบูรณ์ ทองพัฒน์ ที่ปรึกษานายก อบจ.สุราษฎร์ธานีในฐานะทนายความ กล่าวว่า สำหรับในส่วนของคดีแพ่ง ทางนายมนตรี เพชรขุ้ม นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ได้เรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาท และต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างที่นายมนตรี เพชรขุ้ม นายก อบจ.สุราษฎร์ธานีเข้าพบพนักงานสอบสวนนั้น นายประสิทธิ์ ทับทิมทอง ส.อบจ.เขต อ.เมืองหนึ่งในผู้มีชื่อที่แจ้งความดำเนินคดีต่อนายมนตรีได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อยืนยันว่ามีการแอบอ้างนำชื่อตนเองเข้ามาพัวพันในคดีดังกล่าว ซึ่งตนเองไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของนายก่อเกียรติ อินทรรักษ์ และพวก
นายมนตรี เพชรขุ้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี (อบจ.) พร้อมด้วยนายสมบูรณ์ ทองพัฒน์ ทนายความประจำตัว และนายวิศิษฐ์ สังข์ทอง เลขาฯส่วนตัว พร้อมพยานหลักฐาน ที่เป็นรายชื่อของสมาชิก อบจ.เขตอำเภอต่าง ๆและสำเนาข่าวที่นำเสนอผ่านสื่อ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ศิริพงษ์ จะรา พนักงานสอบสวนเวรอาญา สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อดำเนินคดีกับ นายก่อเกียรติ อินทรักษ์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.)เขตอำเภอบ้านนาสาร กับพวกจำนวน 19 คน ฐานแจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาทดูหมิ่นทำให้เสียชื่อเสียง
หลังจากที่นายก่อเกียรติ อินทรักษ์ ส.อบจ. เขตอำเภอบ้านนาสารกับพวก เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี กล่าวหาว่า นายพิสัณห์ ทองโมถ่าย เลขานุการนายมนตรี เพชรขุ้ม นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี และนายมนตรี เพชรขุ้ม นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี เรียกรับเงินค่านายหน้าจากบริษัท ประจักษ์อุตสาหกรรม(1982) จำกัด เป็นจำนวนเงิน 154,640 บาท จากการที่ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้อนุมัติเงินจัดชื้อรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ เมื่อปี 2553 โดยแจ้งความเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมาจนมีการเสนอข่าวผ่านสื่อหลายแขนง
นายมนตรี เพชรขุ้ม นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า กลุ่มผู้ที่มาแจ้งความเอาผิดกับตนเองนั้น เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ทำให้เสียชื่อเสียง ขณะเดียวกันเท่าที่ทราบ ส.อบจ.บางคนก็ไม่รู้เรื่องกับการนำรายชื่อมาแจ้งความ
ส่วนกรณีของนายพิสันห์ ทองโมถ่าย เลขานุการ ตั้งแต่ตนทราบเรื่องได้ตั้งกรรมการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงระหว่างการให้และรับเงินของนายพิสัณห์ของบริษัท หากเข้าข่ายผิดกฎหมายทางผู้รับจะต้องรับผิดชอบ และเรื่องดังกล่าวก็อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบของ สตง. ทางตนพร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงกับทางเจ้าหน้าที่
ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องส่วนตัวของนายพิสัณห์กับทางบริษัท ดังนั้น การที่นายก่อเกียรติ กับพวกแจ้งความเอาผิดกับตน จนมีการเสนอข่าวผ่านสื่อนั้นทำให้ตนเองได้รับเสียหายต่อเกียรติยศและชื่อเสียงเป็นอย่างมาก จึงแจ้งความกลับเพื่อดำเนินคดีทั้งคดีอาญาและทางแพ่ง
ด้านนายสมบูรณ์ ทองพัฒน์ ที่ปรึกษานายก อบจ.สุราษฎร์ธานีในฐานะทนายความ กล่าวว่า สำหรับในส่วนของคดีแพ่ง ทางนายมนตรี เพชรขุ้ม นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ได้เรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาท และต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างที่นายมนตรี เพชรขุ้ม นายก อบจ.สุราษฎร์ธานีเข้าพบพนักงานสอบสวนนั้น นายประสิทธิ์ ทับทิมทอง ส.อบจ.เขต อ.เมืองหนึ่งในผู้มีชื่อที่แจ้งความดำเนินคดีต่อนายมนตรีได้เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อยืนยันว่ามีการแอบอ้างนำชื่อตนเองเข้ามาพัวพันในคดีดังกล่าว ซึ่งตนเองไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของนายก่อเกียรติ อินทรรักษ์ และพวก
