นครศรีธรรมราช - พ่อเมืองนครศรีฯ คนใหม่ สำรวจพื้นที่แหลมตะลุมพุกหลังถูกคลื่นซัดเสียหายยับ พร้อมสั่งทำแผนบูรณะเบื้องต้นใช้งบ 5 ล้านบาทเพื่อยื่นของเงินสนับสนุนจาก ศปภ. ขณะที่ หมู่ 13 ต.ควนกรด พบดินยุบตัวกว้างกว่า 2 เมตร
วันนี้ (28 พ.ย.) นายวิโรจน์จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช คนใหม่ พร้อมด้วยนางวณี จิวะรังสรรค์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบภัย ณ แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นสูงซัดชายฝั่งจนเป็นเหตุให้บ้านเรือนของราษฎรได้รับความเสียหาย ถนนคอนกรีตในชุมชนพังเป็นแนวยาวประมาณ 700 เมตร และต้นมะพร้าวตามชายฝั่งล้มโค่นลงได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
ในโอกาสนี้ ได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคของสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย และเหล่ากาชาดจังหวัด ไปมอบให้กับผู้ประสบภัยที่แหลมตะลุมพุกด้วย เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและบรรเทาความเดือดร้อนเป็นเบื้องต้น พร้อมสั่งการให้ทางอำเภอปากพนัง และองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมตะลุมพุก ทำการสำรวจและจัดทำแผนบูรณะฟื้นฟูในเบื้องต้นประมาณ 5 ล้านบาท สำหรับการสร้างถนนคอนกรีตและเรียงหิน เพื่อป้องกันคลื่นฯ ตามแนวชายฝั่งในชุมชนส่งผ่านไปยังทางจังหวัด เพื่อขอรับการสนับสนุนงบฟื้นฟูของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ของรัฐบาลโดยเร็ว
สำหรับพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่มนั้น จังหวัดนครศรีธรรมราชได้มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) แล้ว 5 อำเภอ คือ อ.พระพรหม อ.ชะอวด อ.นบพิตำ อ.พิปูน และ อ.เฉลิมพระเกียรติ รวม 22 ตำบล 142 หมู่บ้าน 12,964 ครัวเรือน 41,378 คน
ในส่วนอำเภอปากพนัง ที่แหลมตะลุมพุกได้มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินไปแล้วก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมกันนี้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯจังหวัดนครศรีธรรมราชได้แจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนที่มีบ้านเรือนตามแนวชายฝั่งทะเล ตั้งแต่ อ.ขนอมสิชล อ.ท่าศาลา อ.เมือง อ.ปากพนัง และ อ.หัวไทร ยังต้องเฝ้าระวังในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากคลื่นลมแรงตลอดแนวชายฝั่งไปอีกระยะหนึ่ง
ขณะเดียวกัน นายสมเกียรติ รัตนบุรี อดีตรองนายก อบต.ควนกรด ได้รับแจ้งว่ามีดินทรุดตัวที่บริเวณ หมู่ 13 ต.ควนกรด อ.ทุ่งสง จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบหลุมกว้างประมาณ 2 เมตร ลึกประมาณ 4 - 5 เมตร อยู่ระหว่างกลางบ้านของนายสุรินทร์ รักษ์กำเนิด บ้านเลขที่ 70 หมู่ 13 ต.ควนกรด และบ้านของนายปิยาทร ลิขิวัฒน์ บ้านเลขที่ 90 หมู่ 13 ต.ควนกรด อ.ทุ่งสง โดยนายวิเชษฐ์ รัตนบุรี นายก อบต.ควนกรด ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านได้ช่วยกันนำเชือกฟางและไม้มากั้นหลุมเอาไว้ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
นายปิยาทร ลิขิตวัฒน์ ผู้ประสบเหตุกล่าวว่า ตนได้ขับรถยนต์กระบะกลับจากที่ทำงาน และได้ถอยรถยนต์กระบะเพื่อเก็บไว้ในโรงรถ แต่ล้อหน้ารถได้ตกลงไปในหลุม จึงได้ลงมาดู พบเป็นหลุมขนาดเท่าล้อรถยนต์ จึงได้ไปเรียกภรรยาและชาวบ้านมาช่วยกันเข็นรถขึ้นจากหลุม และนำไฟฉายมาส่องดูพบว่าหลุมดังกล่าวลึกประมาณ 4 - 5 เมตร และจนกระทั่งปัจจุบันดินบนพื้นได้ทรุดตัวกว้างเพิ่ม รวมความกว้างประมาณ 2 เมตรแล้ว
“ส่วนสาเหตุดินทรุดตัวในครั้งนี้น่ามาจากโรงงานปูนซิเมนต์ ได้ซื้อที่ดินในละแวกหมู่ 13 จำนวนประมาณ 400 - 500 ไร่ เพื่อขุดดินนำไปใช้ในโรงงาน จึงทำให้น้ำทะลักจากใต้ดินเข้ามาในเขตพื้นที่ใต้ดินของชาวบ้านที่อยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตร และชาวบ้านได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบแล้ว แต่เรื่องก็กลับเงียบหาย” นายปิยาทร ลิขิตวัฒน์ กล่าว
วันนี้ (28 พ.ย.) นายวิโรจน์จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช คนใหม่ พร้อมด้วยนางวณี จิวะรังสรรค์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบภัย ณ แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นสูงซัดชายฝั่งจนเป็นเหตุให้บ้านเรือนของราษฎรได้รับความเสียหาย ถนนคอนกรีตในชุมชนพังเป็นแนวยาวประมาณ 700 เมตร และต้นมะพร้าวตามชายฝั่งล้มโค่นลงได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
ในโอกาสนี้ ได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคของสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย และเหล่ากาชาดจังหวัด ไปมอบให้กับผู้ประสบภัยที่แหลมตะลุมพุกด้วย เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและบรรเทาความเดือดร้อนเป็นเบื้องต้น พร้อมสั่งการให้ทางอำเภอปากพนัง และองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมตะลุมพุก ทำการสำรวจและจัดทำแผนบูรณะฟื้นฟูในเบื้องต้นประมาณ 5 ล้านบาท สำหรับการสร้างถนนคอนกรีตและเรียงหิน เพื่อป้องกันคลื่นฯ ตามแนวชายฝั่งในชุมชนส่งผ่านไปยังทางจังหวัด เพื่อขอรับการสนับสนุนงบฟื้นฟูของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ของรัฐบาลโดยเร็ว
สำหรับพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่มนั้น จังหวัดนครศรีธรรมราชได้มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) แล้ว 5 อำเภอ คือ อ.พระพรหม อ.ชะอวด อ.นบพิตำ อ.พิปูน และ อ.เฉลิมพระเกียรติ รวม 22 ตำบล 142 หมู่บ้าน 12,964 ครัวเรือน 41,378 คน
ในส่วนอำเภอปากพนัง ที่แหลมตะลุมพุกได้มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินไปแล้วก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมกันนี้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯจังหวัดนครศรีธรรมราชได้แจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนที่มีบ้านเรือนตามแนวชายฝั่งทะเล ตั้งแต่ อ.ขนอมสิชล อ.ท่าศาลา อ.เมือง อ.ปากพนัง และ อ.หัวไทร ยังต้องเฝ้าระวังในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากคลื่นลมแรงตลอดแนวชายฝั่งไปอีกระยะหนึ่ง
ขณะเดียวกัน นายสมเกียรติ รัตนบุรี อดีตรองนายก อบต.ควนกรด ได้รับแจ้งว่ามีดินทรุดตัวที่บริเวณ หมู่ 13 ต.ควนกรด อ.ทุ่งสง จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบหลุมกว้างประมาณ 2 เมตร ลึกประมาณ 4 - 5 เมตร อยู่ระหว่างกลางบ้านของนายสุรินทร์ รักษ์กำเนิด บ้านเลขที่ 70 หมู่ 13 ต.ควนกรด และบ้านของนายปิยาทร ลิขิวัฒน์ บ้านเลขที่ 90 หมู่ 13 ต.ควนกรด อ.ทุ่งสง โดยนายวิเชษฐ์ รัตนบุรี นายก อบต.ควนกรด ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านได้ช่วยกันนำเชือกฟางและไม้มากั้นหลุมเอาไว้ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
นายปิยาทร ลิขิตวัฒน์ ผู้ประสบเหตุกล่าวว่า ตนได้ขับรถยนต์กระบะกลับจากที่ทำงาน และได้ถอยรถยนต์กระบะเพื่อเก็บไว้ในโรงรถ แต่ล้อหน้ารถได้ตกลงไปในหลุม จึงได้ลงมาดู พบเป็นหลุมขนาดเท่าล้อรถยนต์ จึงได้ไปเรียกภรรยาและชาวบ้านมาช่วยกันเข็นรถขึ้นจากหลุม และนำไฟฉายมาส่องดูพบว่าหลุมดังกล่าวลึกประมาณ 4 - 5 เมตร และจนกระทั่งปัจจุบันดินบนพื้นได้ทรุดตัวกว้างเพิ่ม รวมความกว้างประมาณ 2 เมตรแล้ว
“ส่วนสาเหตุดินทรุดตัวในครั้งนี้น่ามาจากโรงงานปูนซิเมนต์ ได้ซื้อที่ดินในละแวกหมู่ 13 จำนวนประมาณ 400 - 500 ไร่ เพื่อขุดดินนำไปใช้ในโรงงาน จึงทำให้น้ำทะลักจากใต้ดินเข้ามาในเขตพื้นที่ใต้ดินของชาวบ้านที่อยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตร และชาวบ้านได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบแล้ว แต่เรื่องก็กลับเงียบหาย” นายปิยาทร ลิขิตวัฒน์ กล่าว
