xs
xsm
sm
md
lg

โจรบุกเดี่ยวปล้นร้านทองเมืองคอน ฉกทอง 11 บาทลอยนวล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครศรีธรรมราช - โจรบุกเดี่ยวปล้นชิงทองห้างทองซีกวง-แม่เหี้ยง ในเขตเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช ฉกทอง 11 บาทและเงินสดกว่า 1 แสนบาท ลอยนวลแม้ ตร.จะยิงสกัดถูกขา 1 นัดก็ตาม เชื่อเป็นคนเดียวกับที่เคยบุกปล้น ธ.นครหลวงไทย เมื่อปลายปีที่แล้ว

วันนี้ (26 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.50 น. ร.ต.อ.เอกวิทย์เกิดศิริ พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งคนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนจี้ชิงทองรูปพรรณและเงินสดใน “ห้างทองซีกวง-แม่เหี้ยง” เลขที่ 29/6 ถนนปากนคร เทศบาลนครนครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.สุทัศน์ ชาญสวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผกก.สภ.เมือง พ.ต.อ.โชคดี ศรีเมือง รอง ผกก.สส. ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.ท.วินัยคงประพันธ์ สว.สส. พ.ต.ท.สมชาย มวยดี สวป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองวิทยาการเขต 43 นครศรีธรรมราช รุดไปยังที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุท่ามกลางไทยมุงจำนวนมาก พบเจ้าของร้าน ทราบชื่อคือ นายธิติ ตระกูลเมฆี อายุ 46 ปี เจ้าของห้างทองดังกล่าว และพนักงานสาวในร้านจำนวน 2 คน รอให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก พร้อมตำรวจ นปพ.นครศรีธรรมราช 2 นาย ที่ใช้อาวุธปืนไล่ยิงคนร้ายด้วย คือ ด.ต.สุพิศ มากเอียด อายุ 40 ปี และ จ.ส.ต.โสพิศ ภูมิสถิตย์อายุ 40 ปี ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ ยังพบปลอกกระสุน 9 ม.ม. จำนวน 8 ปลอก ตกอยู่บริเวณริมถนนหน้าร้านทองด้วย

น.ส.รุ่งทิวา ชุมภู อายุ 31ปี และ น.ส.วรรษมน ดวงทิพย์ อายุ 24 ปี พนักงานขายห้างทอง ระบุกับเจ้าหน้าที่ว่า มีคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์จำนวน 1 คน อายุประมาณ 30-35 ปี สูงประมาณ 165 ซม. ผิวดำ แต่งกายโดยใช้ผ้าคลุมศีรษะของผู้หญิงมุสลิม หรือ “ฮิญาบ” สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า สวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำทับ และนุ่งกางเกงขายาวสีดำ เดินบุกเข้ามาในร้านทองก่อนใช้อาวุธปืนพกสั้นสีดำ ไม่ทราบชนิดและขนาด จี้บังคับให้พนักงานหยิบทองใส่ถุงและไปเปิดลิ้นชักหยิบเอาเงินสดอีกกว่า 100,000 บาท

แต่ขณะที่กำลังกวาดทองอยุ่นั้น ปรากฏว่า ด.ต.สุพิศ มากเอียด และ จ.ส.ต.โสพิศ ภูมิสถิตย์ 2 ตำรวจ นปพ.นครศรีธรรมราช แต่งกายชุดตำรวจ นปพ. ขับรถยนต์สายตรวจ นปพ.ผ่านมาพอดี โดย ด.ต.สุพิศ นั่งรออยู่ในรถ ส่วน จ.ส.ต.โสพิศเดินเข้าไปตรวจในร้านทอง เมื่อเห็นตำรวจเดินเข้ามาคนร้ายจึงรีบฉกถุงจากพนักงานวิ่งหนีสวนทางไป ในขณะที่ตำรวจเดินเข้ามายังไม่รู้ว่าเป็นคนร้าย

คนร้ายได้รีบวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ห่างจากร้านทองประมาณ10 เมตร จากนั้นพนักงานขายสาวในร้าน 2 คนได้รีบตะโกนแจ้งตำรวจทั้ง 2 นาย ว่าชายคนดังกล่าวเป็นคนร้ายที่เข้ามาจี้ชิงทองและเงินสดไปสดๆ ด.ต.สุพิศ ที่นั่งในรถรีบออกจากรถเรียกให้คนร้ายหยุด แต่คนร้ายไม่ยอมหยุดพยายามหลบหนี และพยายามจะชักอาวุธปืนซึ่งเหน็บที่เอวออกมายิงใส่ตำรวจ

ด.ต.สุพิศ จึงใช้อาวุธปืนพกสั้น 9 ม.ม. ออกมากระหน่ำยิงใส่ไปยังร่างคนร้าย 8 นัดซ้อน กระสุนถูกขาคนร้ายเพียง 1 นัด ก่อนแข็งใจสตาร์ทรถจักรยานยนต์ ไม่ทราบยี่ห้อและสี ขับหลบหนีไปทางสี่แยกคูขวาง เลี้ยวซ้ายไปทางถนนอ้อมค่าย หายไปอย่างรวดเร็วทันที ซึ่งตำรวจได้วิทยุสกัดจับตามเส้นทางหลบหนีของคนร้ายแต่ไร้วี่แวว จึงประสานตำรวจกองวิทยาการเขต 43 มาตรวจที่เกิดเหตุเพื่อหารอยนิ้วมือคนร้าย และตรวจสอบวงจรปิดของร้านทองเพื่อสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.สุทัศน์ชาญสวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากการตรวจสอบวงจรปิดมองเห็นหน้าคนร้ายไม่ชัดเจน เพราะใช้ผ้าคลุมศีรษะแบบผู้หญิงมุสลิม หรือฮิญาบ และหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า แต่จากการดูลักษณะท่าทางของคนร้ายและลักษณะการปล้นแล้ว น่าจะเป็นคนร้ายคนเดียวกันที่เคยก่อเหตุฉายเดี่ยวบุกปล้นธนาคารนครหลวงไทย หรือธนาคารธนชาติจำกัดมหาชน สาขาตลาดท่าแพ ม.1 ต.ปากพูน อ.เมือ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งคราวนั้นได้เงินสดไป 60,000 บาท แต่ยังจับกุมตัวไม่ได้

ทั้งนี้ ตำรวจเชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้ายคนเดียวกันแน่นอน และเบื้องต้นพอจะรู้ตัวคนร้ายรายนี้แล้ว กำลังเร่งทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์อุกฉกรรจ์ที่เกิดขึ้นกับห้างทองใน จ.นครศรีธรรมราช เดือนนี้ได้เกิดขึ้น 2 รายแล้ว โดยรายแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา คนร้ายจำนวน 4 คนบุกปล้นทรัพย์ห้างทอง ก.ไทยยินดี 3 อ.หัวไทร ได้ทองไปถึง 37.5 บาท และมาครั้งนี้คนร้าย 1 คน บุกเข้าไปจี้ชิงทองอีก 11 บาท และเงินสดอีกกว่า 100,00 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น