ตรัง - เทศบาลนครตรังเตรียมจัดงาน “ย้อนรอยพระบรมสารีริกธาตุ ถึงแผ่นดินไทยบนแผ่นดินตรัง แลหลัง 95 ปีเมืองทับเที่ยง รำลึก 50 ปีหอนาฬิกา เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ”
วันนี้ (15 พ.ย.) นายชาลี กางอิ่ม นายกเทศมนตรีนครตรัง กล่าวว่า เทศบาลนครตรังจะมีการจัดงาน "ย้อนรอยพระบรมสารีริกธาตุ ถึงแผ่นดินไทยบนแผ่นดินตรัง แลหลัง 95 ปีเมืองทับเที่ยง รำลึก 50 ปีหอนาฬิกา" ขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ระหว่างวันที่ 3-5 ธันวาคม 2554 ณ บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลนครตรัง และจัดให้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ประจำปีของเมืองตรังต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจและความเป็นสิริมงคลแก่ประชาชนชาวตรัง ที่จะได้ร่วมรำลึกถึงหน้าประวัติศาสตร์เมืองตรังซึ่งเคยเป็นเส้นทางอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศอินเดียโดยทางเรือ ขึ้นฝั่งที่ท่าเรือกันตัง ผ่านเมืองทับเที่ยงไปยังเมืองพัทลุง จ.สงขลา ผ่าน จ.สมุทรปราการ แล้วจึงเข้าสู่กรุงเทพฯ เมื่อ พ.ศ.2442 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นเวลา 112 ปีมาแล้ว
นับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของพุทธศาสนิกชนชาวเมืองต่างๆ ที่ได้มีส่วนร่วมในพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าวนี้ ประกอบกับปีนี้เมืองทับเที่ยงที่ตั้งตัวเมืองตรังปัจจุบันมีอายุครบ 95 ปี และนอกเหนือจากร่องรอยของอดีตที่ปรากฏให้เห็นจากตึกรามบ้านช่องแบบ "ชิโนโปรตุกีส" บนถนนสายหลักภายในตัวเมืองแล้ว ภาพสง่างามของ "หอนาฬิกา" สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์บ่งบอกสัญลักษณ์ประจำเมืองตรัง ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางสี่แยกใกล้ศูนย์ราชการและมองเห็นได้ชัดเจนจากทุกทิศทาง ได้คงอยู่คู่กับเมืองทับเที่ยงมาครบครึ่งศตวรรษ หรือ 50 ปีด้วย นับตั้งแต่มีการก่อสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2504
จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่ประชาชนชาวตรังจะได้ร่วมกันเฉลิมฉลองสมโภชหอนาฬิกาไปพร้อมๆ กับเมืองทับเที่ยง นอกจากนี้ ปี 2554 ยังเป็นปีมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 เทศบาลนครตรังจึงได้กำหนดจัดงาน "ย้อนรอยพระบรมสารีริกธาตุ ถึงแผ่นดินไทยบนแผ่นดินตรัง แลหลัง 95 ปีเมืองทับเที่ยง รำลึก 50 ปีหอนาฬิกา เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา" ขึ้น โดยจะจัดให้มีขบวนแห่อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขบวนช้าง ขบวนม้า ขบวนบุปผชาติ และการแสดงแสงสีเสียงอลังการ เพื่อให้ชาวตรังและนักท่องเที่ยวจดจำความประทับใจอย่างมิรู้ลืม