ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ตเรียกประชุมถกหาสาเหตุอุบัติเหตุทางถนนและแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหา กรณีอุบัติเหตุรถโดยสารนักท่องเที่ยว
วันนี้ (14 พ.ย.) ที่ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์ วิวัฒน์ ศิลตมโนช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุม การวิเคราะห์สาเหตุทางถนนและแนวทางการแก้ไขปัญหากรณีศึกษาอุบัติเหตุรถโดยสารนักท่องเที่ยว
โดยมี พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าทีตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรฉลอง สถานีตำรวจภูธรกะทู้ และสถานีตำรวจภูธรในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่จากแขวงการทาง เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โรงพยาบาลป่าตอง เจ้าหน้าที่จากเทศบาลต.กะรน เทศบาลเมืองป่าตอง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อหามาตรการในการป้องกันและลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะอุบัติเหตุจากรถโดยสารรับส่งนักท่องเที่ยว
นายแพทย์ วิวัฒน์ กล่าวว่า เมื่อปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้เกิดอุบัติเหตุขนาดใหญ่ขึ้นถึง 2 ครั้งติดกัน ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว โดยเมื่อวันที่ 22 ต.ค.2554 เป็นอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารบรรทุกนักท่องเที่ยวชาวจีนพลิกคว่ำตกข้างทาง ณ บริเวณโค้งสะตอ กิโลเมตรที่ 2 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ25 คน ส่วนครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2554 รถทัวร์โดยสารบรรทุกนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเดินทางมาจากสนามบินภูเก็ตเพื่อจะเข้าพื้นที่ป่าตอง ประสบอุบัติเหตุแหกโค้งเชิงเขาป่าตองก่อนถึงวัดสุวรรณคีรีวงศ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ มีผู้ได้รับบาดทั้งหมด 21 คน ซึ่งการประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการเกิดอุบัติในรูปแบบบูรณาการเพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ต่อไป
โดย ร.ต.ท.วรเดช ชูเกื้อ รองสารวัตรจราจรสถานีตำรวจภูธรฉลอง กล่าวในการประชุม ว่า จากการวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารพลิกคว่ำตกข้างทางที่โค้งป่าตองพบว่ามีหลายปัจจัย ทั้งจากคน รถ และถนน ซึ่งในส่วนของปัจจัยที่เกิดจากคนนั้นมีหลายอย่างเช่นเรื่องของการไม่ชำนาญเส้นทาง ขับรถโดยประมาทไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวขับด้วยเกียร์3ขณะลงจากเขา ส่วนปัจจัยเกี่ยวกับรถพบว่าเป็นรถที่ใช้งานมานาน ส่วนปัจจัยทางถนน พบว่าถนนดังกล่าวไม่มีไหล่ทาง เป็นทางโค้งหักศอก ซึ่งถนนเส้นดังกล่าวเป็นถนนสายหลักที่ใช้สัญจรระหว่างตัวเมืองภูเก็ตเข้าพื้นที่กะตะ กะรน และป่าตองที่ผ่านมาพบว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหานั้นในส่วนของคนให้จัดอบรมคนขับรถให้ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด จัดให้มีการทดสอบสมรรถภาพอย่างต่อเนื่อง หากพบว่ามีการกระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด ส่วนเรื่องถนนให้ทำป้ายเตือนก่อนถึงทางโค้ง ป้ายจำกัดความเร็ว ทำเนินลูกระนาดและทำผิวถนนใหม่ขยายให้กว้างขึ้น รวมทั้งทำราวเหล็ก ส่วนเรื่องรถขอให้มีการตรวจสภาพรถโดยตลอดและให้ติดตั้งอุปกรณ์เสริมเข้มขัดนิรภัย และติดตั้งเก้าอี้เสริมให้ได้มาตรฐาน
ขณะที่ตัวแทนจากสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับรถที่เกิดอุบัติเหตุที่บริเวณทางขึ้นเขากะรน โค้งสะตอ นั้น จากการตรวจสอบพบว่าในส่วนของคนขับนั้นได้รับใบขับขี่จากจังหวัดพังงา และรถคันนี้เป็นรถที่แจ้งเลิกการใช้แล้วและย้ายมาจากกรุงเทพฯ เป็นรถที่จดทะเบียนเมื่อปี 2535 ซึ่งไม่ได้มีการตรวจสภาพรถ ซึ่งในการแก้ไขปัญหานั้นจะต้องมีการประชุมในส่วนของผู้ประกอบการรถขนส่งเพื่อให้เกิดจิตสำนึกและจะต้องแจ้งให้ทราบถึงโทษที่จะได้รับที่นำรถที่ไม่จดทะเบียนมาใช้
ขณะที่ พ.ต.ต.ท.กิตติพงษ์ คล้ายแก้ว รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกะทู้ จ.ภูเก็ต กล่าวในการประชุมว่า สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถบรรทุกนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียในพื้นที่ป่าตองนั้นเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณทางลงเขา ซึ่งจากการสอบถามพบว่าระบบเบรกของรถไม่ทำงาน รถที่เกิดเหตุเป็นรถที่จดทะเบียนเมื่อปี 2513 มีอายุ 41 ปี แต่เป็นรถที่มีการต่อทะเบียนและผ่านการตรวจสภาพรถมาแล้ว
สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุมีหลายปัจจัยทั้งเรื่องถนน เรื่องของคน และเรื่องของรถ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ในส่วนของถนนได้เสนอให้ทางแขวงการทางจังหวัดภูเก็ตเร่งแก้ไขปัญหาเรื่องของผิวจราจร เนื่องจากขณะนี้ถนนทางขึ้นเขาป่าตองกำลังมีปัญหาเนื่องจากดินทรุดตัวและมีรอยแตกร้าวถ้ามีรถติดมากๆอาจจะทำให้ถนนทรุดตัวได้ ซึ่งจะต้องรีบแก้ไขเพราะช่วงนี้กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตรถต้องใช้เส้นทางดังกล่าวจำนวนมากอาจจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้
ขณะที่ นายแพทย์ วิวัฒน์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามหลังจากการประชุมจะนำข้อมูลต่างมาประมวลเพื่อรวมรวมปัญหาและแนวทางในการแก้ไขส่งไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในรูปแบบการบูรณาการต่อไป