นครศรีธรรมราช - ชาวบ้าน อ.ท่าศาลา นครศรีธรรมราช รวมพลังปรุงอาหารสำเร็จรูป ทั้งผัดกะปิ ไตปลาทรงเครื่อง น้ำพริกนรก กว่า 3 ตัน ส่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคกลาง
วันนี้ (11 พ.ย.) ที่หาดทรายแก้วรีสอร์ต ตำบลท่าขึ้น อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช นางเยิ้ม เรืองดิษฐ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลท่าขึ้น อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ร่วมกับชาวบ้านชาวอำเภอท่าศาลา และทหารกองทัพภาค 4 ร่วมกันปรุงและผลิตอาหารชนิดต่างๆ ที่สามารถเก็บไว้ได้นานและสามารถนำไปรับประทานได้ทันที ทั้งผัดกะปิทรงเครื่องน้ำหนักว่ากว่า 3 ตัน ไตปลาทรงเครื่อง และน้ำพริกนรกอีกจำนวนมาก เพื่อนำส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร
นางเยิ้ม เรืองดิษฐ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลท่าขึ้น อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การผลิตอาหารสำเร็จรูปเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคกลางในครั้งนี้ เป็นการร่วมแรงร่วมใจของพี่น้องชาวตำบลท่าขึ้นและทหารจากกองทัพภาค4 ช่วยกันปรุงอาหาร เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในเขตกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง โดยในส่วนของตำบลท่าขึ้น อำเภอท่าศาลา ได้ระดมกำลังกาย กำลังแรงของประชาชนในพื้นที่ช่วยกันประกอบอาหารสำเร็จรูปที่สามารถนำไปรับประทานได้เลย เช่น การผัดกะปิ ซึ่งเป็นกะปิที่ขึ้นชื่อของตำบลท่าขึ้น ที่มีอยู่ในพื้นที่ ซึ่งต้องใช้กะปิถึง 3 ตัน น้ำตาล 1.5 ตัน น้ำมัน 2 ตัน หัวหอม ใบกรูด และตะไคร้ อีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ กระบวนการการปรุงอาหารทั้งหมด ต้องใช้แรงงานคนจำนวนหลายสิบคน
นางเยิ้ม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลท่าขึ้น ยังกล่าวต่ออีกว่า ท่ามกลางสถานการณ์อุทกภัยครั้งนี้ เรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งคือน้ำใจและความสามัคคีจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชที่ทุกคนต่างร่วมมือร่วมใจกันเป็นอย่างมาก ช่วยบริจาควัตถุดิบต่างๆ และที่สำคัญคือขณะที่ตนออกไปจ่ายตลาดซื้อของ เมื่อแม่ค้าทราบว่าซื้อของไปเพื่อปรุงอาหารให้ผู้ประสบภัยต่างลดราคาให้ถึงครึ่งหนึ่ง เช่น ราคาสิ่งของจำนวน 100 บาท แต่แม่ค้าขอแค่ 50 บาท โดยบอกว่าขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี
ส่วนสาเหตุที่เป็นแกนนำในการปรุงอาหารส่งผู้ประสบภัยในครั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนเมื่อครั้งที่จังหวัดนครศรีธรรมราชประสบภัยจากธรรมชาติ พี่น้องทั้งประเทศไทยก็ระดมส่งความช่วยเหลือมาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือสิ่งของ ถุงยังชีพ ครั้งถือจึงเป็นโอกาสอันดีที่จะช่วยเหลือผู้ที่กำลังประสบภัยเช่นกัน