นครศรีธรรมราช - 3 ไอ้โม่งปล้นกลางวันแสกๆ ร้านทองดังกลางเมืองหัวไทร พกค้อนมาด้วยทุบกระจกกวาดเกือบ 40 บาท มูลค่ากว่า 1 ล้าน ด้านเจ้าของเผยยังไม่ติดวงจรปิด ตร.ยกพลล่ากระชั้นชิดรวบทันควันได้ 1 สารภาพสิ้นไส้ ที่เหลือทิ้งรถ เสื้อผ้า และใบขับขี่ไว้ให้ดูต่างหน้า
บ่ายวันนี้ (1 พ.ย.) พ.ต.ท.ธงชัย เพชรแก้ว รอง ผกก.สส.สภ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ทำหน้าที่พนักงานสอบสวนเวร รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกเข้าไปปล้นทรัพย์ในห้างทองไทยยินดี 3 เลขที่ 25 ม.1 ต.หัวไทร อ.หัวไทร โดยคนร้านได้ทองคำไปเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้น จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.พัฒนาวิทย์ เสรีสกุลพัฒน์ ผกก. พ.ต.ท.วินิจฉัย ชมประคต รอง ผกก.ป.กำลังสายตรวจ และชุดสืบสวนเข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที พร้อมกันนั้น ได้รายงานเหตุด่วนไปยัง พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ทราบ โดยมี พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รอง ผบก.ร่วมเข้าอำนวยการติดตามไล่ล่าคนร้ายอย่างเร่งด่วน
เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า ร้านทองดังกล่าวตั้งอยู่ย่านการค้าในตัว อ.หัวไทร ห่างจากสถานีตำรวจไม่มากนัก สภาพมีไทยมุงจำนวนมากมายืนดูเหตุการณ์ในขณะที่เจ้าของร้านยังอยู่ในอาการตระหนกสุดขีด ส่วนตู้ทองคำในร้านถูกทุบจนกระจกแตกกระจายถาดทองคำมีร่องรอยถูกกวาดไปเป็นจำนวนมาก
ต่อมาหลังจากคลายความตระหนก นางยินดี แซ่อุ้ย อายุ 64 ปี เจ้าของร้านทองดังกล่าวให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า ก่อนเกิดเหตุได้เปิดร้านทองจำหน่ายตามปกติ โดยมีนางพรรณี ซ้ายอิ่ม อายุ 33 ปี ญาติสนิทและเป็นลูกจ้างมาช่วยกันเฝ้าร้าน ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์ 3 คนสวมแว่นตาดำเดินเข้ามาในร้าน พร้อมกันจากนั้นได้สวมหมวกไหมพรหมชักอาวุธปืนออกมา พร้อมทั้งมีค้อนเหล็กอยู่ด้วยประกาศว่า “นี่คือการปล้น”
จากนั้นใช้อาวุธปืนจี้ก่อนที่จะนำค้อนตีตู้กระจกจนแตกกระจาดเอาทองคำไปได้จำนวนมาก ซึ่งตรวจสอบในเบื้องต้นแล้วนั้นมีถึง 37.5 บาท มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ที่คนร้ายได้ไป ก่อนที่จะไปขึ้นรถยนต์กระบะหลบหนีออกไปจากตลาดทันที ส่วนกล้องวงจรปิดนั้นยังอยู่ในระหว่างการติดตั้งไม่แล้วเสร็จ จึงไม่สามารถบันทึกภาพคนร้ายได้
หลังจากนั้น พยานที่เห็นเหตุการณ์แจ้งว่า คนร้ายมาด้วยกันทั้งหมด 5 คน รออยู่ที่รถ 2 คน ใช้รถยนต์กระบะนิสสันตอนเดียว สีเขียวอ่อน ทะเบียน กจ-762 พัทลุง หลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ออกไล่ล่าติดตามไปอย่างเร่งด่วน จนพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวถูกจอดทิ้งไว้ที่ริมถนนข้างทุ่งนาใน ต.ทุ่งนาดี อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่จึงตรวจค้นภายในรถพบเสื้อผ้าที่คนร้ายเปลี่ยนไว้ และพบใบขับขี่ระบุชื่อ นายพิจารึก ดำฝ้าย อายุ 29 ปี อยู่ 226 ม.2 ต.ป่าพะยอม จ.พัทลุง
โดยชาวบ้านในย่านดังกล่าว แจ้งว่า มีชายฉกรรจ์ จำนวน 5 คนลงมาจากรถ แล้ววิ่งหนีลงไปในทุ่งนาที่เต็มไปด้วยป่าพรุ เจ้าหน้าที่จึงทำการปิดล้อมไล่ล่าทันที โดยเมื่อติดตามลงไปพบว่ามีคนร้ายซ่อนอยู่ในป่าละเมาะ 1 ราย เจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมไว้ได้โดยละม่อม ทราบชื่อคือนายสมยศ จันทร์แดง อายุ 25 ปี อยู่ 266 ม.2 ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง
นายสมยศได้ยอมรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับเพื่อนรวม 5 คน แต่ไม่ทราบชื่อจริง ทราบชื่อเล่นทั้งหมดคือ นายเอก มีหน้าที่ขับรถ นายสี มีหน้าที่เก็บกวาดทอง นายเล็ก นายปื๊ด และตนมีหน้าที่ใช้ปืนและตีกระจก และยังได้พาเจ้าหน้าที่ไปยังกระท่อมหลังหนึ่งในป่าละเมาะดังกล่าว บอกว่ากลุ่มเพื่อนที่มาปล้นด้วยกันได้นำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุมาซุกซ่อนเก็บไว้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดอาวุธปืนขนาด.38 ได้ 2 กระบอก ลูกซองสั้นอีก 1 กระบอก
จากนั้นได้นำไปยังจุดซุกซ่อนทอง ส่วนหนึ่งที่แบ่งกันแล้ว ในขณะที่อยู่ในรถระหว่างหลบหนี โดยเก็บไว้ในกอกล้วยพบว่าเป็นแหวนทองคำ 13 วง ตุ้มหูทองคำ 4 คู่ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง ส่วนคนร้ายที่เหลือนั้นได้ทำการปิดล้อมกดดันอย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกันได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จ.พัทลุง ขอกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าร่วมติดตามคนร้ายอย่างเร่งด่วน
บ่ายวันนี้ (1 พ.ย.) พ.ต.ท.ธงชัย เพชรแก้ว รอง ผกก.สส.สภ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ทำหน้าที่พนักงานสอบสวนเวร รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกเข้าไปปล้นทรัพย์ในห้างทองไทยยินดี 3 เลขที่ 25 ม.1 ต.หัวไทร อ.หัวไทร โดยคนร้านได้ทองคำไปเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้น จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.พัฒนาวิทย์ เสรีสกุลพัฒน์ ผกก. พ.ต.ท.วินิจฉัย ชมประคต รอง ผกก.ป.กำลังสายตรวจ และชุดสืบสวนเข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที พร้อมกันนั้น ได้รายงานเหตุด่วนไปยัง พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ทราบ โดยมี พ.ต.อ.อรุณ แกล้ววาที รอง ผบก.ร่วมเข้าอำนวยการติดตามไล่ล่าคนร้ายอย่างเร่งด่วน
เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า ร้านทองดังกล่าวตั้งอยู่ย่านการค้าในตัว อ.หัวไทร ห่างจากสถานีตำรวจไม่มากนัก สภาพมีไทยมุงจำนวนมากมายืนดูเหตุการณ์ในขณะที่เจ้าของร้านยังอยู่ในอาการตระหนกสุดขีด ส่วนตู้ทองคำในร้านถูกทุบจนกระจกแตกกระจายถาดทองคำมีร่องรอยถูกกวาดไปเป็นจำนวนมาก
ต่อมาหลังจากคลายความตระหนก นางยินดี แซ่อุ้ย อายุ 64 ปี เจ้าของร้านทองดังกล่าวให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า ก่อนเกิดเหตุได้เปิดร้านทองจำหน่ายตามปกติ โดยมีนางพรรณี ซ้ายอิ่ม อายุ 33 ปี ญาติสนิทและเป็นลูกจ้างมาช่วยกันเฝ้าร้าน ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์ 3 คนสวมแว่นตาดำเดินเข้ามาในร้าน พร้อมกันจากนั้นได้สวมหมวกไหมพรหมชักอาวุธปืนออกมา พร้อมทั้งมีค้อนเหล็กอยู่ด้วยประกาศว่า “นี่คือการปล้น”
จากนั้นใช้อาวุธปืนจี้ก่อนที่จะนำค้อนตีตู้กระจกจนแตกกระจาดเอาทองคำไปได้จำนวนมาก ซึ่งตรวจสอบในเบื้องต้นแล้วนั้นมีถึง 37.5 บาท มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ที่คนร้ายได้ไป ก่อนที่จะไปขึ้นรถยนต์กระบะหลบหนีออกไปจากตลาดทันที ส่วนกล้องวงจรปิดนั้นยังอยู่ในระหว่างการติดตั้งไม่แล้วเสร็จ จึงไม่สามารถบันทึกภาพคนร้ายได้
หลังจากนั้น พยานที่เห็นเหตุการณ์แจ้งว่า คนร้ายมาด้วยกันทั้งหมด 5 คน รออยู่ที่รถ 2 คน ใช้รถยนต์กระบะนิสสันตอนเดียว สีเขียวอ่อน ทะเบียน กจ-762 พัทลุง หลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ออกไล่ล่าติดตามไปอย่างเร่งด่วน จนพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวถูกจอดทิ้งไว้ที่ริมถนนข้างทุ่งนาใน ต.ทุ่งนาดี อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่จึงตรวจค้นภายในรถพบเสื้อผ้าที่คนร้ายเปลี่ยนไว้ และพบใบขับขี่ระบุชื่อ นายพิจารึก ดำฝ้าย อายุ 29 ปี อยู่ 226 ม.2 ต.ป่าพะยอม จ.พัทลุง
โดยชาวบ้านในย่านดังกล่าว แจ้งว่า มีชายฉกรรจ์ จำนวน 5 คนลงมาจากรถ แล้ววิ่งหนีลงไปในทุ่งนาที่เต็มไปด้วยป่าพรุ เจ้าหน้าที่จึงทำการปิดล้อมไล่ล่าทันที โดยเมื่อติดตามลงไปพบว่ามีคนร้ายซ่อนอยู่ในป่าละเมาะ 1 ราย เจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมไว้ได้โดยละม่อม ทราบชื่อคือนายสมยศ จันทร์แดง อายุ 25 ปี อยู่ 266 ม.2 ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง
นายสมยศได้ยอมรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับเพื่อนรวม 5 คน แต่ไม่ทราบชื่อจริง ทราบชื่อเล่นทั้งหมดคือ นายเอก มีหน้าที่ขับรถ นายสี มีหน้าที่เก็บกวาดทอง นายเล็ก นายปื๊ด และตนมีหน้าที่ใช้ปืนและตีกระจก และยังได้พาเจ้าหน้าที่ไปยังกระท่อมหลังหนึ่งในป่าละเมาะดังกล่าว บอกว่ากลุ่มเพื่อนที่มาปล้นด้วยกันได้นำอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุมาซุกซ่อนเก็บไว้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดอาวุธปืนขนาด.38 ได้ 2 กระบอก ลูกซองสั้นอีก 1 กระบอก
จากนั้นได้นำไปยังจุดซุกซ่อนทอง ส่วนหนึ่งที่แบ่งกันแล้ว ในขณะที่อยู่ในรถระหว่างหลบหนี โดยเก็บไว้ในกอกล้วยพบว่าเป็นแหวนทองคำ 13 วง ตุ้มหูทองคำ 4 คู่ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง ส่วนคนร้ายที่เหลือนั้นได้ทำการปิดล้อมกดดันอย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกันได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จ.พัทลุง ขอกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษเข้าร่วมติดตามคนร้ายอย่างเร่งด่วน
