ปัตตานี - เขื่อนชลประทานปล่อยน้ำเพื่อพร่องน้ำลงสู่ทะเล เตรียมรับปริมาณน้ำฝน อีกทั้ง กรมอุตุฯ เตือนจะเกิดมรสุม ส่งผลให้ชาวบ้านแตกตื่นแห่ซื้ออิฐก่อกั้นหน้าบ้าน หวั่นน้ำท่วมเหมือนปีที่ผ่านมา ชลประทานเตือนประชาชนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด อย่าเชื่อข่าวลือ
วันนี้ (25 ต.ค.) ที่เขื่อนชลประทานจังหวัดปัตตานี ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้เดินทางรับฟังและตรวจอบข้อเท็จจริงกับ นายอนุรักษ์ ธีระโชติ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนชลประทานปัตตานี กรณีการปล่อยน้ำ พร้อมเผย หลังในพื้นที่มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขื่อนชลประทานปัตตานี ต้องมีการระบายน้ำลงสู่ทะเล จนกลายเป็นข่าวลือจะเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ อีกทั้งกรมอุตุนิยมวิทยายังได้แจ้งเตือนด้วยว่า ห้วงปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนธันวาคมจะเกิดมรสุมและมีฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างระวังน้ำท่วมฉับพลัน
ส่งผลให้มีชาวบ้าน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่มีแม่น้ำไหลผ่านเพื่อลงสู่ทะเล ประชาชน ร้านค้าต่างหาซื้ออิฐก่อกั้นหน้าบ้านป้องกันน้ำท่วมกันโกลาหล จากการวิตกกังวลเหตุวิกฤติน้ำท่วมหนักในหลายภูมิภาคของไทย ซึ่งความจริงแล้วเป็นเพียงการแตกตื่นจากข่าวลือ โดยขณะนี้ทางจังหวัดได้มีการวางมาตรการป้องกัน ตลอดจนวางระบบเขื่อน,ชลประทาน, ฝายกันน้ำ อย่างมีแบบแผนและเป็นระบบในเรื่องการจัดการน้ำของแต่ละที่กักเก็บ จากการศึกษาความเสียหายของน้ำท่วมในหลายภูมิภาคขณะนี้
แต่อย่างไรก็ตาม นอกจากประชาชนต่างก่ออิฐเพื่อป้องกันน้ำท่วมจากเขื่อนปล่อยน้ำแล้ว แต่ประชาชนก็ยังไม่มั่นใจ เนื่องจากช่วงปลายเดือนตุลาคมจนถึงธันวาคมของทุกปีจะมีฝนตกหนักและน้ำท่วมสูง อีกทั้งยังหวั่นว่าจะเกิดพายุเหมือนปีที่ผ่านมาจนเกิดน้ำท่วมสูงเข้าท่วมบ้านเรือน ร้านค้า จนเกิดความเสียหาย ทำให้ปีนี้อาจจะเกิดขึ้นอีก และเพื่อป้องกันน้ำท่วมจึงต่างสร้างคันกั้นน้ำขึ้น
ด้าน นายอนุรักษ์ ธีระโชติ ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนชลประทานปัตตานี กล่าวว่าสาเหตุที่เขื่อนชลประทานปัตตานีได้ปล่อยน้ำนั้นเป็นเพียงการพ้องน้ำที่กักเก็บอยู่ในเขื่อนลงสู่ทะเล เพื่อให้สามารถดึงน้ำในคลองชลประทานสายสาขาต่างๆ กลับ เพื่อจะเตรียมพื้นที่ไว้รองรับปริมาณน้ำฝนและน้ำเหนือเขื่อนบางลาง จ.ยะลา จำนวนมากในช่วงเดือน ก.ย.- ธ.ค.ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ ในช่วงนี้เขื่อนชลประทานปัตตานีจะยังคงมีการพร่องน้ำอีกเพื่อต้องการกดปริมาณน้ำที่กักเก็บไว้ในเขื่อน ซึ่งปกติสามารถทดน้ำไว้ได้ 12 เมตร 50 เซนติเมตร ให้ลดลงเหลือที่ 10 เมตร 50 เซนติเมตร เพื่อวางแผนรองรับน้ำฝนที่ใกล้เข้ามาถึง ซึ่งการพ้องน้ำจะไม่มีผลกระทบกับทุกพื้นที่ในขณะนี้แต่อย่างใด จึงอยากให้ประชาชนมีการติดตามรับฟังประกาศข่าวสารของทางการอย่างใกล้ชิดและอย่างหลงเชื่อข่าวลือจนเกิดความแตกตื่นอีกด้วย