ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - การบูรณะกำแพงเมืองสงขลา ที่พังเสียหายจากพายุฝนตกหนัก ขณะนี้แล้วเสร็จไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์เหลือเพียงการก่อใบเสมาอีก 4 ใบ คาดงานแล้วเสร็จประมาณกลางเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งทันกับช่วงฤดูมรสุมที่มีฝนตกหนัก ยันมีความมั่นคงแข็งแรงกว่าเดิมเพราะมีโครงสร้างอยู่ข้างในโดยใช้หินของเดิมทั้งหมด
วันนี้ (24 ต.ค.) ความคืบหน้าการบูรณะกำแพงเมืองสงขลา อายุ 175 ปี ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี2379 สมัยรัชการที่ 3 ที่พังเสียหายจากพายุฝนตกหนักเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553ที่ผ่านมา ทำให้กำแพงบางส่วนพังลงมาความยาวเกือบ 20 เมตร และตัวกำแพงเกิดรอยร้าว ล่าสุดทางสำนักศิลปากรที่ 13 สงขลา ได้ดำเนินการบูรณะจนแล้วเสร็จไปกว่าร้อยละ 70 โดยในส่วนของโครงสร้างกำแพงเมืองสงขลาที่ได้บูรณะมีความแข็งแรงกว่าเดิมเนื่องจากภายในตัวกำแพงได้ใช้เหล็กยึดทั้งด้านนอกและด้านในเอาไว้ทุก 1.50 เมตร ตลอดความยาว 150 เมตร สามารถรองรับปริมาณฝนที่ตกหนักในช่วงฤดูมรสุมลมตะวันออกเฉียงเหนือได้ ที่สำคัญการบูรณะกำแพงได้ใช้หินเก่าในการบูรณะทั้งหมดซึ่งยังทรงคุณค่าและเหมือนของเดิมที่มีมาในอดีต
ขณะนี้ตัวกำแพงทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการก่อใบเสมาด้านบนที่เหลืออีก 4 ใบ ในส่วนของป้อมสังเกตการณ์ที่อยู่บนใบเสมาด้านทิศตะวันตกของกำแพงและเชิงเทินก็ได้ทำการก่อสร้างไปพร้อมๆ กัน โดยทางผู้รับเหมาก่อสร้างได้ระดมช่าง และคนงานเร่งดำเนินการก่อสร้างถึงแม้ว่าบางวันจะประสบปัญหาฝนตกก็ยังคงเดินก่อสร้างโดยนำผ้าเต็นท์มากางคลุมใบเสมา เพื่อป้องกันน้ำฝนและช่างก็สามารถทำงานได้ เพื่อให้งานบูรณะกำแพงเมืองสงขลาเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทันตามกำหนดเวลาภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2554
นายเจตน์ บางพงศ์ นายช่างควบคุมการก่อสร้างกำแพงเมืองสงขลา กล่าวว่า งานจะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ เหลือใบเสมาอีก 4 ใบ เสร็จไปแล้ว 5 ใบจาก 9 ใบ เชื่อว่า ความแข็งแรงทนทานของกำแพงเมืองสงขลาดีกว่าเดิม เพราะมีโครงสร้างอยู่ข้างในและอัดปูนเข้าไปใหม่ทั้งหมด โดยใช้ปูนขาวอย่างดี
วันนี้ (24 ต.ค.) ความคืบหน้าการบูรณะกำแพงเมืองสงขลา อายุ 175 ปี ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี2379 สมัยรัชการที่ 3 ที่พังเสียหายจากพายุฝนตกหนักเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553ที่ผ่านมา ทำให้กำแพงบางส่วนพังลงมาความยาวเกือบ 20 เมตร และตัวกำแพงเกิดรอยร้าว ล่าสุดทางสำนักศิลปากรที่ 13 สงขลา ได้ดำเนินการบูรณะจนแล้วเสร็จไปกว่าร้อยละ 70 โดยในส่วนของโครงสร้างกำแพงเมืองสงขลาที่ได้บูรณะมีความแข็งแรงกว่าเดิมเนื่องจากภายในตัวกำแพงได้ใช้เหล็กยึดทั้งด้านนอกและด้านในเอาไว้ทุก 1.50 เมตร ตลอดความยาว 150 เมตร สามารถรองรับปริมาณฝนที่ตกหนักในช่วงฤดูมรสุมลมตะวันออกเฉียงเหนือได้ ที่สำคัญการบูรณะกำแพงได้ใช้หินเก่าในการบูรณะทั้งหมดซึ่งยังทรงคุณค่าและเหมือนของเดิมที่มีมาในอดีต
ขณะนี้ตัวกำแพงทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการก่อใบเสมาด้านบนที่เหลืออีก 4 ใบ ในส่วนของป้อมสังเกตการณ์ที่อยู่บนใบเสมาด้านทิศตะวันตกของกำแพงและเชิงเทินก็ได้ทำการก่อสร้างไปพร้อมๆ กัน โดยทางผู้รับเหมาก่อสร้างได้ระดมช่าง และคนงานเร่งดำเนินการก่อสร้างถึงแม้ว่าบางวันจะประสบปัญหาฝนตกก็ยังคงเดินก่อสร้างโดยนำผ้าเต็นท์มากางคลุมใบเสมา เพื่อป้องกันน้ำฝนและช่างก็สามารถทำงานได้ เพื่อให้งานบูรณะกำแพงเมืองสงขลาเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทันตามกำหนดเวลาภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2554
นายเจตน์ บางพงศ์ นายช่างควบคุมการก่อสร้างกำแพงเมืองสงขลา กล่าวว่า งานจะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ เหลือใบเสมาอีก 4 ใบ เสร็จไปแล้ว 5 ใบจาก 9 ใบ เชื่อว่า ความแข็งแรงทนทานของกำแพงเมืองสงขลาดีกว่าเดิม เพราะมีโครงสร้างอยู่ข้างในและอัดปูนเข้าไปใหม่ทั้งหมด โดยใช้ปูนขาวอย่างดี