อบต.หนองตรุด เร่งเสริมพนังรับมือน้ำท่วมใหญ่

ตรัง - นายก อบต.หนองตรุด เมืองตรัง เสนอให้เร่งซ่อมแซมพนังกั้นแม่น้ำตรัง 3 จุดสำคัญ ที่พังลงทลายลงมาตั้งแต่ 6 เดือนที่แล้ว เพื่อรับมือน้ำท่วมใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นซ้ำสองในเร็วๆ นี้

วันนี้ (20 ต.ค.) นายสมบัติ ผลประยูร นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองตรุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมใหญ่ เมื่อเดือนเมษายน 2554 ที่ผ่านมา กล่าวว่า ขณะนี้ทางโครงการชลประทานตรังได้จัดสรรงบประมาณ 53 ล้านบาท มาดำเนินการเสริมพนังกั้นแม่น้ำตรัง ตลอดแนวพื้นที่ตำบลหนองตรุด เป็นระยะทาง 11.7 กิโลเมตร เพื่อให้พนังมีความกว้างเพิ่มขึ้น จากเดิม 4 เมตร เป็น 7 เมตร เพื่อป้องกันน้ำในแม่น้ำตรัง ที่อาจจะเอ่อล้นและไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน ตลอดจนพื้นที่ทางการเกษตรในตำบลหนองตรุด ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่แล้ว แต่กว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด อาจจะต้องใช้ระยะเวลาถึง 6 เดือน และคงไม่ทันต่อการรับมือสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้

ส่วนพนังกั้นแม่น้ำตรัง จำนวน 3 จุดสำคัญ ได้แก่ หมู่ที่ 1 บ้านหนองตรุด จำนวน 1 จุด และหมู่ที่ 2 บ้านคลองขุด จำนวน 2 จุด ซึ่งพังทลายลงมาเมื่อคราวน้ำท่วมใหญ่ก่อนหน้านี้นั้น ยังไม่ได้รับการซ่อมแซมใดๆ ทั้งที่สถานการณ์ผ่านพ้นมาถึง 6 เดือนแล้ว ล่าสุดในโอกาสที่นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เดินทางลงพื้นที่ ตนได้แจ้งขอช่วยผลักดันงบประมาณมาเพื่อทำการซ่อมแซมพนังทั้ง 3 จุดดังกล่าว และเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนที่สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่จะเกิดขึ้นซ้ำสอง เนื่องจากพนังในบางจุดได้ถูกน้ำกัดเซาะมาเกือบครึ่งแล้ว หากต้องเจอน้ำไหลบ่าอย่างรุนแรงอีกครั้ง ก็มีความเสี่ยงต่อการพังทลายลง และจะสร้างความเสียหายให้อย่างรุนแรง

ทั้งนี้ หากโครงการเสริมพนังกั้นแม่น้ำตรังดังกล่าวเสร็จสิ้นสมบูรณ์จะเป็นแนวช่วยป้องกันน้ำที่จะไหลทะลักเข้าสู่พื้นที่ตำบลหนองตรุด และตำบลใกล้เคียง ทั้งในอำเภอเมืองตรัง และอำเภอกันตัง ได้ในระดับหนึ่ง หากมีฝนตกหนักต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาไม่เกิน 3 วัน และยังจะช่วยให้ความเสียหายในด้านต่างๆ ลดลงด้วย โดยเฉพาะบ้านเรือนส่วนใหญ่ทั่วไป ยกเว้นบางหลังที่สร้างอยู่ติดกับแม่น้ำตรัง

ส่วนพื้นที่ทางเกษตร เช่น สวนยางพารา ส่วนปาล์มน้ำมัน แม้อาจจะยังคงต้องถูกน้ำท่วมอีกบ้าง แต่ความเสียหายหรือความรุนแรงก็มีแนวโน้มลดลง ยกเว้นจะมีกระแสน้ำรุนแรงมากจนพนังทานทนไม่ไหวจริงๆ ขณะที่น้ำอีกส่วนหนึ่งซึ่งจะไหลทะลักเข้ามาทางฝั่งถนนสายตรัง-สิเกา อบต.หนองตรุด จะรีบเร่งหาทางแก้ไขในโอกาสต่อไป