ยะลา - ผู้ว่าฯ ยะลา สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนดูแลนักเรียนอย่างเข้มงวด หลังมีเหตุนักเรียนถูกทำร้าย 3 คน เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา เกรงจะบานปลายเป็นความขัดแย้งระหว่างศาสนา ขณะที่นักเรียนเหยื่อถูกทำร้าย 2 คนแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนอีกคนอาการดีขึ้นตามลำดับ
จากกรณีมีกลุ่มวัยรุ่นอายุประมาณ 16 - 18 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน ประกบใช้มีดสปาต้าฟันศีรษะนักเรียนที่นั่งซ้อนท้าย และฟันแขนขวานักเรียนทีเป็นผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามชื่อดังของ จ.ยะลา ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์เดินทางจะกลับโรงเรียน
หลังจากไปรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม ของการแข่งขันฟุตซอลชาเล้นจ์ ครั้งที่ 3 ที่ อาคารพระเศวตสุรคชาธาร (สนามช้างเผือก) ภายในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา ทำให้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายอุสมาน อาแว อายุ 17 ปี มีบาดแผลถูกฟันที่บริเวณศีรษะ (แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้) นายอาบีดีน ดาโต๊ะ อายุ 17 ปี มีบาดแผลถูกฟันที่บริเวณแขนขวา เส้นเลือดใหญ่ขาด และแขนหัก นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา และนายอดุลย์ อิสมาแอ อายุ 17 ปี มีบาดแผลถลอก แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ซึ่งทั้งหมดเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นที่บริเวณหน้าโรงเรียนคณะราษฎรบํารุง จ.ยะลา บริเวณหน้าปั๊มเอสโซ่ ถ.พิพิธภักดี อ.เมืองยะลา เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา
ขณะนี้ นายอาบีดีน ดาโต๊ะ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องศัลยกรรมกระดูกและข้อ ชั้น 1 อาคารโรงพยาบาลศูนย์ยะลา โดยมีบาดแผลถูกของมีคมฟันที่บริเวณแขนขวา เป็นแผลฉกรรจ์ เส้นเลือดใหญ่ขาด และกระดูกหัก แพทย์ได้ทำการผ่าตัดต่อเส้นเลือด และผ่าตัดใส่เหล็กแทนกระดูกที่หักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่นิ้วมือยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างปกติ
นายอาบีดีน ดาโต๊ะ เปิดเผยว่า อาการบาดเจ็บของตนเองในขณะนี้ดีขึ้นตามลำดับ แพทย์ได้ใส่เหล็กแทนกระดูกที่หัก และ ผ่าตัดเส้นเลือดใหญ่ แต่แพทย์ยังไม่ได้แจ้งว่าแขนจะสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ ซึ่งแพทย์อาจจะแจ้งให้ทางผู้ปกครองทราบในภายหลัง สำหรับผู้ที่ก่อเหตุ ตนเองและเพื่อนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ส่วนในเรื่องการดูแลความปลอดภัย ตนเองอยากจะฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ให้มีการดูแลนักเรียนและเยาวชนให้เข้มงวดมากกว่าเดิม เพราะที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ในลักษณะอย่างนี้ขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ส่วนเรื่องคดีนั้น ตนเองทราบมาจากผู้ปกครองว่ารู้ตัวผู้ที่ก่อเหตุแล้ว เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้แล้ว ตนเองอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย มีการลงโทษตามคดีความ
ส่วน นางสาวศิริพร ศรีสุวรรณ (พี่สาว) กล่าวว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำตามหน้าที่ ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด หากคดีจบไปแล้ว อย่าให้มีการแก้แค้นกันในภายหลัง โดยขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด อย่าให้เรื่องเงียบ หรือไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ ตนเองก็อยากจะเรียกร้องกับผู้ที่ก่อเหตุในครั้งนี้ว่า อยากให้ทางพ่อแม่ผู้ที่กระทำมารับรู้ และดูบ้างว่าผู้บาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง และตนเองอยากจะถามผู้ที่ก่อเหตุว่าหากเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาเอง ครอบครัวเขาจะมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง
ด้าน นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า หลังจากที่มีนักเรียนของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ถูกทำร้าย จำนวน 3 คน เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา ในวันนี้ (27 ก.ย.) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถหาผู้ที่ก่อเหตุได้แล้ว เป็นอดีตนักเรียนของโรงเรียนคณะราษฎรบำารุง ที่จบออกไปแล้ว และเคยมีเรื่องกับนักเรียนของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิมาโดยตลอด หากมีการแข่งขันฟุตบอลหรือเวลามีการจัดงานต่างๆ มีการผูกใจเจ็บกัน ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา ทราบผู้ก่อเหตุแล้ว พร้อมทั้งได้ไปเชิญตัวผู้ปกครองมารับทราบข้อมูล เพราะผู้ก่อเหตุอายุยังไม่ครบ 20 ปี โดยทางผู้ก่อเหตุยินยอมที่จะชดใช้ค่าเสียหาย
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการกระทบกระทั่งระหว่างวัยรุ่นทั้ง 2 กลุ่ม ซึ่งเป็นคนต่างศาสนา ตนเองเกรงว่าการกระทบกระทั่งในครั้งนี้ จะนำไปสู่ความขัดแย้งของศาสนา จะทำให้คนทั่วไปไม่เข้าใจกัน ซึ่งตนก็ได้ให้ทางผู้ปกครองของนักเรียนทั้ง 2 โรงเรียนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และได้ย้ำไปยังคณะครูของทั้ง 2 โรงเรียน ให้ดูแลลูกศิษย์ของตนเองทั้ง 2 ฝ่าย
ทั้งนี้ ทางจังหวัดยะลาพยายามที่จะหากกิจกรรมให้นักเรียนทั้ง 2 โรงเรียนมาทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อเป็นการเพิ่มความรัก เพิ่มความสามัคคี ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนเองได้เน้นย้ำแล้วว่า หากเกิดเหตุในลักษณะอย่างนี้ ต้องรีบเข้าไปดำเนินการอย่างเร่งด่วน อย่าทิ้งเรื่องให้ล่าช้า อาจจะเกิดความไม่เข้าใจกันระหว่าง 2 ศาสนาได้ หากมีผู้ไม่หวังดีมายุยง จะเกิดผลเสียตามมาได้ เพราะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีเชื้อของความขัดแย้งอยู่แล้ว อาจจะทำให้เหตุการณ์เลวร้ายขึ้นอีก