ยะลา - คนร้ายใจโหด ยิงหัวครูหนุ่มโรงเรียนบ้านกือเม็ง อ.รามัน ทะลุท้ายทอยก่อนจุดไฟเผาอย่างเลือดเย็น ตร.คาดฝีมือกลุ่มป่วนเมืองก่อเหตุไม่ต่ำกว่า 4 คน ต้องการสร้างอิทธิพลข่มขู่คนในพื้นที่
วันนี้ (6 ก.ย.) เมื่อเวลา 15.15 น.พ.ต.ท.กฤษณะพงษ์ แพทย์สิทธิ์ สว.สส.สภ.รามัน จ.ยะลา พร้อมพวกออกสืบสวนหาข่าวในพื้นที่รับผิดชอบ รับแจ้งเหตุฆ่าแล้วเผา ที่บ้านสะโต หมู่ 5 ติดกับเขต หมู่ที่ 2 ต.อาซ่อง จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อมาพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูมิเพ็ชร พิพัฒน์เพ็ชรภูมิ รองผบก.ภ.จ.ยะลา พ.ต.อ.สักรินทร์ บำเพ็ญสมัย ผกก.พ.ต.ท.อำไพ ชุมช่วย รองผกก.ป.พ.ต.ท.มนตรี จุลานุพันธ์ รองผกก.สส.นายบุญไทย กาฬศิริ นายอำเภอรามัน สนธิกำลังทหารและฝ่ายปกครองรุดไปสอบสวนที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่บนทางหลวงสาย 4092 (รามัน-มายอ)
พบศพนายคณิต ลำนุ้ย อายุ 38 ปี เป็นครูอัตราจ้าง โรงเรียนบ้านกือเม็ง หมู่ 2 ต.อาซ่อง สภาพศพถูกเผาจนศีรษะเกรียมดำ เสื้อผ้ากางเกงไหม้เป็นขี้เถ้า ทั้งยังมีควันไฟลอยอยู่บนศพ และมีกลิ่นน้ำมันเบนซินคลุ้งไปทั่วบริเวณ สภาพศพพบร่องรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดที่ศีรษะกระสุนทะลุท้ายทอย นอนเสียชีวิตอยู่กลางถนน ในคูข้างทางห่างไปราว 10 เมตร พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สีเขียว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนตกอยู่ นอกจากนี้ ไม่พบหลักฐานอื่นเพิ่มเติม
จากสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายคณิต ได้นัดแนะนักเรียนจำนวนหนึ่งไปซักซ้อมเพื่อเตรียมตัวเข้าแข่งขันทักษะทางวิชาการ ที่โรงเรียนนิบงชนูปถัมภ์ เขตเทศบาลนครยะลา เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดอย่างไม่เป็นทางการที่เรียกว่า “วันรายอแน” ของพี่น้องมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากซักซ้อมเรียบร้อยแล้ว ผู้ตายได้เดินทางนำเด็กกลับไปส่งที่โรงเรียน
จนเวลา 15.00 น.นายคณิต ได้ขับขี่จักรยานยนต์เดินทางออกจากโรงเรียน มาถึงที่เกิดเหตุเป็นที่เปลี่ยว ไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า มีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 4 คน ซึ่งติดตามดูพฤติการณ์นายคณิต ได้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะไล่ติดตาม แล้วเรียกให้หยุดทำทีมีธุระ เมื่อสบโอกาสหนึ่งในจำนวนคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนจ่อยิงท้ายทอยจนผู้ตายล้มลง จากนั้นคนร้ายได้ดึงร่างออกจากรถจักรยานยนต์ แล้วเร่งเครื่องปล่อยให้รถพุ่งตกลงไปในคูข้างทาง ก่อนใช้น้ำมันเบนซินราด จุดไฟเผา แล้วพากันหลบหนีไป
ชาวบ้านผ่านมา พบไฟกำลังไหม้นายคณิต จึงแจ้งให้เพื่อนบ้านมาช่วยเหลือแต่ไม่ทันการณ์ นายคณิตได้เสียชีวิตไปก่อนแล้ว ส่วนสาเหตุเชื่อว่า เป็นฝีมือพวกก่อความไม่สงบที่อยู่ในพื้นที่โดยก่อเหตุเพื่อสร้างอิทธิพลและสถานการณ์ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
