กระบี่ - ชาวประมงบ้านบ่อม่วง กระบี่เดือดร้อนหนัก หลังผู้ประกอบการนำแพขนานยนต์ขนาดใหญ่ จอดทิ้งไว้ในป่าชายเลนกีดขวางทางเรือประมงเข้าออกไม่ได้ ต้องวิ่งอ้อมระยะทางไกล พอน้ำขึ้นแพก็กระแทกเรือจนพังเสียหายไปแล้ว1ลำ เผยเจ้าของนำมาจอดทิ้งนานกว่า6 เดือน อ้างนำมาซ่อมแซมทุ่น วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วย
วันนี้ (15 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางจินดา มรจร อายุ 43 ปี อาชีพทำการประมง อยู่บ้านเลขที่ 65/9 บ้านบ่อม่วง ม.4 ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ว่า ได้รับความเดือดร้อนมานานจากผู้ประกอบการนำแพขนานยนต์เก่ามาจอดทิ้ง ขวางทางเรือ ทำให้เรือเข้าจอดไม่ได้ เพราะด้วยความใหญ่ของแพขนานยนต์ซึ่งยาวกว่า 50 เมตร กว้างประมาณ 8 เมตร มาจอดขวางอยู่บริเวณป่าชายเลนหลังบ้าน ทำให้เรือประมงของตนที่มีอยู่ 3 ลำไม่สามารถเข้าจอดเทียบท่าได้ ต้องวิ่งอ้อมป่าโกงกางเป็นระยะทางไกล
นางจินดา กล่าวว่า แพขนานยนต์มาจอดทิ้งไว้นานประมาณ 6 เดือนแล้ว โดยมีผู้ประกอบการรายหนึ่ง นำมาจอดบริเวณหลังบ้านของตน ซึ่งเป็นท่าเรือขนาดเล็ก โดยบอกว่า จะมาซ่อมแซมทุ่นใหม่ ทำให้เรือหางยาวของตนจำนวน 3 ลำ ที่ต้องออกทำการประมง ไม่สามารถเข้าออกได้ และในขณะน้ำขึ้นสูงและมีคลื่นลมแรง เรือที่จอดอยู่ใกล้ๆ แพก็ถูกกระแทกได้รับความเสียหาย พื้นเรือรั่วและหลังคาพังไป 1 ลำ ไม่สามารถใช้การได้ ซึ่งถ้ายังจอดอยู่อย่างนี้ก็จะทำให้เรือเข้าออกไม่ได้ ต้องวิ่งอ้อมระยะทางไกล และอาจจะถูกกระแทกจนพังอีก จึงแจ้งให้เจ้าของมาทำการเคลื่อนย้าย ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ และทางเจ้าของแพยังถมดินเข้าไปบริเวณที่แพจอดอยู่โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ด้วย ทั้งที่แพจอดอยู่ในป่าชายเลน
จนกระทั่ง เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ตนไปแจ้งเจ้าหน้าที่ขนส่งทางน้ำแล้ว แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ จึงได้แจ้งตำรวจที่สภ.ทรายขาวเพื่อให้มาดำเนินการเจรจาขอให้เคลื่อนย้ายออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล จึงอยากเรียกร้องผ่านสื่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการให้ด้วย เพราะตนได้รับความเดือดร้อนมานานกว่า 6 เดือนแล้ว
วันนี้ (15 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางจินดา มรจร อายุ 43 ปี อาชีพทำการประมง อยู่บ้านเลขที่ 65/9 บ้านบ่อม่วง ม.4 ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ว่า ได้รับความเดือดร้อนมานานจากผู้ประกอบการนำแพขนานยนต์เก่ามาจอดทิ้ง ขวางทางเรือ ทำให้เรือเข้าจอดไม่ได้ เพราะด้วยความใหญ่ของแพขนานยนต์ซึ่งยาวกว่า 50 เมตร กว้างประมาณ 8 เมตร มาจอดขวางอยู่บริเวณป่าชายเลนหลังบ้าน ทำให้เรือประมงของตนที่มีอยู่ 3 ลำไม่สามารถเข้าจอดเทียบท่าได้ ต้องวิ่งอ้อมป่าโกงกางเป็นระยะทางไกล
นางจินดา กล่าวว่า แพขนานยนต์มาจอดทิ้งไว้นานประมาณ 6 เดือนแล้ว โดยมีผู้ประกอบการรายหนึ่ง นำมาจอดบริเวณหลังบ้านของตน ซึ่งเป็นท่าเรือขนาดเล็ก โดยบอกว่า จะมาซ่อมแซมทุ่นใหม่ ทำให้เรือหางยาวของตนจำนวน 3 ลำ ที่ต้องออกทำการประมง ไม่สามารถเข้าออกได้ และในขณะน้ำขึ้นสูงและมีคลื่นลมแรง เรือที่จอดอยู่ใกล้ๆ แพก็ถูกกระแทกได้รับความเสียหาย พื้นเรือรั่วและหลังคาพังไป 1 ลำ ไม่สามารถใช้การได้ ซึ่งถ้ายังจอดอยู่อย่างนี้ก็จะทำให้เรือเข้าออกไม่ได้ ต้องวิ่งอ้อมระยะทางไกล และอาจจะถูกกระแทกจนพังอีก จึงแจ้งให้เจ้าของมาทำการเคลื่อนย้าย ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ และทางเจ้าของแพยังถมดินเข้าไปบริเวณที่แพจอดอยู่โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ด้วย ทั้งที่แพจอดอยู่ในป่าชายเลน
จนกระทั่ง เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ตนไปแจ้งเจ้าหน้าที่ขนส่งทางน้ำแล้ว แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ จึงได้แจ้งตำรวจที่สภ.ทรายขาวเพื่อให้มาดำเนินการเจรจาขอให้เคลื่อนย้ายออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล จึงอยากเรียกร้องผ่านสื่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการให้ด้วย เพราะตนได้รับความเดือดร้อนมานานกว่า 6 เดือนแล้ว