ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ภูเก็ตจัดนวดไทยที่หาดกะตะ 584 คู่ เป็นครั้งแรก ร่วมมหกรรม WORLD RECORD FOR THAI MASSAGE พร้อมพัฒนาทรีทเม้นใหม่ใช้เป็นอัตลักษณ์สปาภูเก็ต สร้างความแตกต่างจากสปาที่อื่น และสร้างจุดขายเฉพาะสปาภูเก็ต เผยสปาภูเก็ตโตกว่า 20%
นายรังสิมันต์ กิ่งแก้ว นายกสามาคมธุรกิจสปาจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการเข้าร่วมมหกรรม WORLD RECORD FOR THAI MASSAGE ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการส่งออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพของเอเชีย หรือเมดิคัลฮับ รวมทั้งสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของการนวดและสปาไทย โดยใช้ผู้นวดและผู้ถูกนวดมากที่สุดในโลกรวม 840 คู่ ว่าก่อนที่จะมีการจัดมหกรรม WORLD RECORD FOR THAI MASSAGE ขึ้น ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการธุรกิจสปา รวมทั้งหมอนวดชายหาด จัดกิจกรรมนวดไทยขึ้นที่ชายหาดกะตะ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมดังกล่าวให้นักท่องเที่ยวและคนทั่วไปได้รับทราบ
ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตจะจัดให้มีการนวดบ่า คอ และไหล่ ที่บริเวณชายหาดกะตะขึ้นเป็นครั้งแรก โดยใช้ผู้นวดและคนถูกนวดจำนวน 584 คู่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยในส่วนของคนถูกนวดนั้น ได้เชิญในส่วนของนักท่องเที่ยวที่เข้าพักตามโรงแรมต่างๆ เข้าร่วม เชื่อว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องของมาตรฐานสปาไทยให้แก่นักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 19 ส.ค.นี้
นายรังสิมันต์ยังได้กล่าวต่อไปถึงการจัดทำอัตลักษณ์สปาภูเก็ตเพื่อให้มีความเป็นเอกลักษณ์และสร้างความแตกต่างให้กับสปาที่อื่นว่า ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตกำลังอยู่ระหว่างการคิดค้นทรีตเมนต์ตัวใหม่ที่จะนำมาใช้กับนักท่องเที่ยว โดยนำเรื่องของสาหร่ายมาผสมผสานกับการนวดในรูปแบบ After-son Treatment ซึ่งจะสร้างความแตกต่างจากสปาที่อื่น และสร้างจุดขายให้กับสปาภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม ทรีตเมนต์ดังกล่าวยังไม่สามารถที่จะนำมาใช้ได้ในขณะนี้เพราะยังอยู่ในขั้นของการทดลอง และจะต้องมีการประชุมร่วมกันในส่วนของผู้ประกอบการก่อนเพื่อดำเนินการไปพร้อมๆ ซึ่งการสร้างอัตลักษณ์ให้กับสปาภูเก็ตจะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องของการตัดราคากันได้เป็นอย่างดี และช่วยสร้างจุดขายให้กับสปาภูเก็ตต่อไป นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ตก็จะเรียกใช้สปาที่เป็นอัตลักษณ์ของภูเก็ต เพราะปัจจุบันนี้ในประเทศไทยมีสปาเกิดขึ้นจำนวนมาก
นายรังสิมันต์ยังได้กล่าวต่อไปถึงสถานการณ์ธุรกิจสปาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตว่า ปีนี้สปาภูเก็ตโตขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 20% ซึ่งธุรกิจสปานั้นสร้างรายได้ให้กับประเทศจำนวนมาก โดยในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ขณะนี้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาภูเก็ตสิ่งหนึ่งที่จะต้องทำคือการใช้บริการสปาและนวดไทย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์และคนนวดให้ได้มาตรฐาน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องของการแข่งขันกันตัดราคามาเป็นการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างเป็นจุดขายสำหรับนักท่องเที่ยว
นายรังสิมันต์ กิ่งแก้ว นายกสามาคมธุรกิจสปาจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการเข้าร่วมมหกรรม WORLD RECORD FOR THAI MASSAGE ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการส่งออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพของเอเชีย หรือเมดิคัลฮับ รวมทั้งสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของการนวดและสปาไทย โดยใช้ผู้นวดและผู้ถูกนวดมากที่สุดในโลกรวม 840 คู่ ว่าก่อนที่จะมีการจัดมหกรรม WORLD RECORD FOR THAI MASSAGE ขึ้น ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการธุรกิจสปา รวมทั้งหมอนวดชายหาด จัดกิจกรรมนวดไทยขึ้นที่ชายหาดกะตะ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมดังกล่าวให้นักท่องเที่ยวและคนทั่วไปได้รับทราบ
ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตจะจัดให้มีการนวดบ่า คอ และไหล่ ที่บริเวณชายหาดกะตะขึ้นเป็นครั้งแรก โดยใช้ผู้นวดและคนถูกนวดจำนวน 584 คู่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยในส่วนของคนถูกนวดนั้น ได้เชิญในส่วนของนักท่องเที่ยวที่เข้าพักตามโรงแรมต่างๆ เข้าร่วม เชื่อว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องของมาตรฐานสปาไทยให้แก่นักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 19 ส.ค.นี้
นายรังสิมันต์ยังได้กล่าวต่อไปถึงการจัดทำอัตลักษณ์สปาภูเก็ตเพื่อให้มีความเป็นเอกลักษณ์และสร้างความแตกต่างให้กับสปาที่อื่นว่า ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตกำลังอยู่ระหว่างการคิดค้นทรีตเมนต์ตัวใหม่ที่จะนำมาใช้กับนักท่องเที่ยว โดยนำเรื่องของสาหร่ายมาผสมผสานกับการนวดในรูปแบบ After-son Treatment ซึ่งจะสร้างความแตกต่างจากสปาที่อื่น และสร้างจุดขายให้กับสปาภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม ทรีตเมนต์ดังกล่าวยังไม่สามารถที่จะนำมาใช้ได้ในขณะนี้เพราะยังอยู่ในขั้นของการทดลอง และจะต้องมีการประชุมร่วมกันในส่วนของผู้ประกอบการก่อนเพื่อดำเนินการไปพร้อมๆ ซึ่งการสร้างอัตลักษณ์ให้กับสปาภูเก็ตจะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องของการตัดราคากันได้เป็นอย่างดี และช่วยสร้างจุดขายให้กับสปาภูเก็ตต่อไป นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ตก็จะเรียกใช้สปาที่เป็นอัตลักษณ์ของภูเก็ต เพราะปัจจุบันนี้ในประเทศไทยมีสปาเกิดขึ้นจำนวนมาก
นายรังสิมันต์ยังได้กล่าวต่อไปถึงสถานการณ์ธุรกิจสปาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตว่า ปีนี้สปาภูเก็ตโตขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 20% ซึ่งธุรกิจสปานั้นสร้างรายได้ให้กับประเทศจำนวนมาก โดยในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ขณะนี้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาภูเก็ตสิ่งหนึ่งที่จะต้องทำคือการใช้บริการสปาและนวดไทย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์และคนนวดให้ได้มาตรฐาน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องของการแข่งขันกันตัดราคามาเป็นการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างเป็นจุดขายสำหรับนักท่องเที่ยว