ตรัง - “เจ๊เล็ก” เมียหัวหน้าข่าวกรองชุมพร ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฉ้อโกง และคดีความผิดเกี่ยวกับเช็คของ สภ.เมืองตรัง ควงสามีเข้ามอบตัวยืนยันความบริสุทธิ์ โดยยินดีชี้แจงกับผู้เสียหายทั้ง 28 คน
เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (26 ก.ค.) นางคำพร รัตนากาญจน์ หรือ เจ๊เล็ก อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/26 หมู่ที่ 9 ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.ตรัง ในคดีฉ้อโกง และคดีความผิดเกี่ยวกับเช็ค พร้อมด้วยสามี คือ นายทะกล้า รัตนากาญจน์ หัวหน้าสำนักงานข่าวกรอง จ.ชุมพร ได้นำหลักฐานการโอนจ่ายเงินให้กับลูกหนี้ซึ่งเป็นลูกแชร์ เข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผกก.สภ.เมืองตรัง พร้อมนำเงินสด จำนวน 200,000 บาท เป็นหลักทรัพย์ประกันตัว โดย นางคำพร มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และเมื่อพบเพื่อนที่มาเยี่ยม ก็โผกอดร่ำไห้ด้วยความดีใจ ขณะที่ด้านนอกห้อง มีบรรดาลูกหนี้ 5-6 ราย ที่ทราบข่าวการมอบตัว ได้เดินทางมาสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
โดย นางคำพร กล่าวยอมรับว่า ที่ผ่านมา ตนเป็นเท้าแชร์จริง และเมื่อถึงเวลาก็จะนำเงินไปจ่ายดอกคืนให้กับผู้เสียหายตรงตามเวลา ไม่เคยเบี้ยว ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดพลาด จนนำไปสู่การแจ้งความตนจนตกเป็นข่าวดังครึกโครมทางสื่อต่างๆ นั้น โดยมีสาเหตุมาจากเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปทำธุระที่กรุงเทพฯ โดยได้แจ้งกับลูกแชร์และเจ้าหนี้ของตนทุกคนก่อนหน้านั้นแล้ว แต่บังเอิญว่าธุระของตนไม่แล้วเสร็จตามกำหนด ประกอบกับโทรศัพท์มือถือแบตเตอรี่หมด จนไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้ผู้เสียหายจำนวนกว่า 28 ราย เกิดความไม่มั่นใจ และเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2554
ทั้งนี้ หลังจากที่ตนเห็นข่าวทางสื่อที่นำเสนอว่า ได้โกงแชร์กว่า 50 ล้านบาท ก็รู้สึกช็อกและตกใจ ได้แต่คิดในใจว่า ตนจะเอาเงินจำนวนมากเช่นนั้นมาจากไหนจ่ายคืนให้กับลูกหนี้ ซึ่งความจริงแล้วข้อมูลที่กล่าวหาว่า ตนโกงเช็คนั้น มีจำนวนแค่ 500,000 บาท ไม่ได้เป็นเงินจำนวนหลายสิบล้านบาทตามที่เป็นข่าวเลย ส่วนเงินในวงแชร์นั้น ขณะนี้ตนยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะต้องดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมแสดงความบริสุทธิ์ และชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายทั้ง 28 ราย
สำหรับสาเหตุที่ตนไม่ตัดสินใจเข้ามอบตัวตั้งแต่วันแรกนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้หนีไปไหน แต่เป็นเพราะว่า ไม่สามารถติดต่อสามีได้ และเพิ่งมาทราบภายหลังว่า มีหมายศาลของ จ.ตรัง มาติดที่หน้าบ้านถึง 2 ครั้งด้วยกัน ประกอบกับทนแรงกดดันของกระแสสังคมไม่ไหว รวมทั้งมีผู้เสียหายบางรายได้โทรศัพท์ไปข่มขู่กับทางโรงเรียนที่ลูกของตนเรียนอยู่ จึงตัดสินใจเข้ามอบตัว เพราะไม่อยากให้ทางโรงเรียนและผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับความเดือดร้อน
ดังนั้น ตนจึงอยากขอวิงวอนผู้เสียหายทุกคน อย่าพยายามโทรไปโวยวาย หรือต่อว่าทางโรงเรียนลูกชายของตนอีกเลย เพราะถือเป็นเรื่องไม่สมควร อีกทั้งลูกชายของตนก็ไม่ได้รู้เรื่อง หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด พร้อมกับยืนยันและรับปากว่า เบื้องต้นจะชี้แจงเรื่องทั้งหมดให้กับผู้เสียหายได้รับทราบ และตกลงเคลียร์เงินทั้งหมดให้ ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนสบายใจได้
ขณะที่ พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผกก.สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า ขณะนี้ได้แจ้ง 2 ข้อหาแก่ นางคำพร คือ ข้อหากระทำผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.เช็ค และข้อหาฉ้อโกง ซึ่งถ้าหากจะประกันตัว ผู้ต้องหาจะต้องใช้หลักทรัพย์ 1 ใน 3 ของมูลหนี้อัตราเช็คที่ค้าง
เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (26 ก.ค.) นางคำพร รัตนากาญจน์ หรือ เจ๊เล็ก อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/26 หมู่ที่ 9 ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.ตรัง ในคดีฉ้อโกง และคดีความผิดเกี่ยวกับเช็ค พร้อมด้วยสามี คือ นายทะกล้า รัตนากาญจน์ หัวหน้าสำนักงานข่าวกรอง จ.ชุมพร ได้นำหลักฐานการโอนจ่ายเงินให้กับลูกหนี้ซึ่งเป็นลูกแชร์ เข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผกก.สภ.เมืองตรัง พร้อมนำเงินสด จำนวน 200,000 บาท เป็นหลักทรัพย์ประกันตัว โดย นางคำพร มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และเมื่อพบเพื่อนที่มาเยี่ยม ก็โผกอดร่ำไห้ด้วยความดีใจ ขณะที่ด้านนอกห้อง มีบรรดาลูกหนี้ 5-6 ราย ที่ทราบข่าวการมอบตัว ได้เดินทางมาสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
โดย นางคำพร กล่าวยอมรับว่า ที่ผ่านมา ตนเป็นเท้าแชร์จริง และเมื่อถึงเวลาก็จะนำเงินไปจ่ายดอกคืนให้กับผู้เสียหายตรงตามเวลา ไม่เคยเบี้ยว ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดพลาด จนนำไปสู่การแจ้งความตนจนตกเป็นข่าวดังครึกโครมทางสื่อต่างๆ นั้น โดยมีสาเหตุมาจากเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปทำธุระที่กรุงเทพฯ โดยได้แจ้งกับลูกแชร์และเจ้าหนี้ของตนทุกคนก่อนหน้านั้นแล้ว แต่บังเอิญว่าธุระของตนไม่แล้วเสร็จตามกำหนด ประกอบกับโทรศัพท์มือถือแบตเตอรี่หมด จนไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้ผู้เสียหายจำนวนกว่า 28 ราย เกิดความไม่มั่นใจ และเดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2554
ทั้งนี้ หลังจากที่ตนเห็นข่าวทางสื่อที่นำเสนอว่า ได้โกงแชร์กว่า 50 ล้านบาท ก็รู้สึกช็อกและตกใจ ได้แต่คิดในใจว่า ตนจะเอาเงินจำนวนมากเช่นนั้นมาจากไหนจ่ายคืนให้กับลูกหนี้ ซึ่งความจริงแล้วข้อมูลที่กล่าวหาว่า ตนโกงเช็คนั้น มีจำนวนแค่ 500,000 บาท ไม่ได้เป็นเงินจำนวนหลายสิบล้านบาทตามที่เป็นข่าวเลย ส่วนเงินในวงแชร์นั้น ขณะนี้ตนยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะต้องดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมแสดงความบริสุทธิ์ และชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายทั้ง 28 ราย
สำหรับสาเหตุที่ตนไม่ตัดสินใจเข้ามอบตัวตั้งแต่วันแรกนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้หนีไปไหน แต่เป็นเพราะว่า ไม่สามารถติดต่อสามีได้ และเพิ่งมาทราบภายหลังว่า มีหมายศาลของ จ.ตรัง มาติดที่หน้าบ้านถึง 2 ครั้งด้วยกัน ประกอบกับทนแรงกดดันของกระแสสังคมไม่ไหว รวมทั้งมีผู้เสียหายบางรายได้โทรศัพท์ไปข่มขู่กับทางโรงเรียนที่ลูกของตนเรียนอยู่ จึงตัดสินใจเข้ามอบตัว เพราะไม่อยากให้ทางโรงเรียนและผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับความเดือดร้อน
ดังนั้น ตนจึงอยากขอวิงวอนผู้เสียหายทุกคน อย่าพยายามโทรไปโวยวาย หรือต่อว่าทางโรงเรียนลูกชายของตนอีกเลย เพราะถือเป็นเรื่องไม่สมควร อีกทั้งลูกชายของตนก็ไม่ได้รู้เรื่อง หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด พร้อมกับยืนยันและรับปากว่า เบื้องต้นจะชี้แจงเรื่องทั้งหมดให้กับผู้เสียหายได้รับทราบ และตกลงเคลียร์เงินทั้งหมดให้ ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนสบายใจได้
ขณะที่ พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผกก.สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า ขณะนี้ได้แจ้ง 2 ข้อหาแก่ นางคำพร คือ ข้อหากระทำผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.เช็ค และข้อหาฉ้อโกง ซึ่งถ้าหากจะประกันตัว ผู้ต้องหาจะต้องใช้หลักทรัพย์ 1 ใน 3 ของมูลหนี้อัตราเช็คที่ค้าง