ยะลา - สุลต่านอัซลัน ซะห์ และพระชายาแห่งรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย เสด็จเยือนอำเภอเบตงอย่างเป็นทางการ เพื่อส่งเสริมสัมพันธไมตรี
วันนี้ (9 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาพระบรมราชินีนาถ อ.เบตง จ.ยะลานายกฤษดา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายดลเดช พัฒนรัฐ นายอำเภอเบตง และนายคุณวุฒิ มงคลประจักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองเบตง หัวหน้าส่วนราชการ พนักงาน นักเรียน นักศึกษา ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน ประชาชน รวมทั้งชาวมาเลเซียและประชาชนคนไทยในรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย ร่วมรับเสด็จสุลต่านอัซลัน ซะห์ และพระชายาแห่งรัฐเปรัค ประเทศมาเลเซียที่เสด็จฯ เยือนอำเภอเบตง เพื่อส่งเสริมสัมพันธไมตรีระหว่างรัฐเปรัคกับอำเภอเบตง ในฐานะเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกันและมีความร่วมมือในการพัฒนาด้านต่างๆ ของทั้งสองประเทศ
นายคุณวุฒิ มงคลประจักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองเบตง กล่าวว่า อำเภอเบตงและรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย มีความสัมพันธ์กันมาช้านาน ทั้งนี้เพราะชุมชนชาวมาเลเซียเชื้อสายไทย ที่ชุมชนตาเซะ ตำบลเปิงกาลังฮูลู เมื่อก่อนเป็นคนไทยมีญาติพี่น้องอยู่ในเมืองไทย แต่ในยุคล่าอาณานิคม คนไทยที่นี่จึงต้องกลายเป็นพลเมืองของประเทศมาเลเซียไปโดยปริยาย
ดังนั้น การเสด็จมาในครั้งนี้ นับว่ามีความสำคัญระหว่างของทั้ง 2 ประเทศ ทั้งในด้านการกระชับความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ รวมถึงด้านเศรษฐกิจ สังคม การค้า การลงทุน ที่จะมีขึ้นในอนาคต
วันนี้ (9 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาพระบรมราชินีนาถ อ.เบตง จ.ยะลานายกฤษดา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายดลเดช พัฒนรัฐ นายอำเภอเบตง และนายคุณวุฒิ มงคลประจักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองเบตง หัวหน้าส่วนราชการ พนักงาน นักเรียน นักศึกษา ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน ประชาชน รวมทั้งชาวมาเลเซียและประชาชนคนไทยในรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย ร่วมรับเสด็จสุลต่านอัซลัน ซะห์ และพระชายาแห่งรัฐเปรัค ประเทศมาเลเซียที่เสด็จฯ เยือนอำเภอเบตง เพื่อส่งเสริมสัมพันธไมตรีระหว่างรัฐเปรัคกับอำเภอเบตง ในฐานะเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกันและมีความร่วมมือในการพัฒนาด้านต่างๆ ของทั้งสองประเทศ
นายคุณวุฒิ มงคลประจักษ์ นายกเทศมนตรีเมืองเบตง กล่าวว่า อำเภอเบตงและรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย มีความสัมพันธ์กันมาช้านาน ทั้งนี้เพราะชุมชนชาวมาเลเซียเชื้อสายไทย ที่ชุมชนตาเซะ ตำบลเปิงกาลังฮูลู เมื่อก่อนเป็นคนไทยมีญาติพี่น้องอยู่ในเมืองไทย แต่ในยุคล่าอาณานิคม คนไทยที่นี่จึงต้องกลายเป็นพลเมืองของประเทศมาเลเซียไปโดยปริยาย
ดังนั้น การเสด็จมาในครั้งนี้ นับว่ามีความสำคัญระหว่างของทั้ง 2 ประเทศ ทั้งในด้านการกระชับความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ รวมถึงด้านเศรษฐกิจ สังคม การค้า การลงทุน ที่จะมีขึ้นในอนาคต