ผู้สมัครส.ส.ภูเก็ต ร่วมเวทีรรณรงค์เลือกตั้งคึกคัก

ภูเก็ต-ผู้สมัครส.ส.ภูเก็ตทั้งแบบเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อร่วมเวทีรณรงค์ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง ส.ส. จังหวัดภูเก็ต ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ตคึกคัก เพื่อให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แนะนำตัว และนำเสนอนโยบายของพรรคให้ผู้เข้าร่วมรับฟัง

วันนี้ (25 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต องค์การบริหารภาค กศ.บป. มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จัดโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดภูเก็ต โดยมีผู้สมัคร ส.ส จังหวัดภูเก็ตทั้งเขตเลือกตั้งที่ 1 และเขตเลือกตั้งส.ส. เข้าร่วมปราศรัยจำนวนมาก เช่นนายวิสิษฐ์ ใจอาจ เบอร์ 1 พรรคเพื่อไทย นายจตุพงศ์ เลิศศิลป์จิรดา เบอร์ 2 พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน นางอัญชลี วานิช เทพบุตร เบอร์ 10 พรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ นายจำรัส อินทุมาร เบอร์11 พรรคไทยพอเพียง นายประยูร พูลจันทร์ เบอร์ 17 พรรคแทนคุณแผ่นดิน นางสาวอาภารัตน์ ชาติชุติกำจร เบอร์ 20 พรรคการเมืองใหม่ นายวุฒิพันธ์ เบญจธัญญาพล เบอร์ 37 พรรคพลังชาวนาไทย นายสุริยนต์ หมิแหม เบอร์ 27 พรรคชีวิตที่ดีกว่า โดยมีคณะครูอาจารย์ นักศึกษา ประชาชน และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมร่วมรับฟังจำนวนมาก

นายดิสัน แหล่ทองคำ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต กล่าวว่า องค์การบริหารภาค กศ.บป. ,ภาคปกติ ร่วมกับโปรแกรมวิชารัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์ และพัฒนาชุมชน คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ได้จัดทำโครงการโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดภูเก็ต ขึ้น โดยเชิญผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และตัวแทนพรรคการเมือง ได้มาแนะนำตัว และนำเสนอนโยบายของพรรคเพื่อให้นักศึกษา ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้รับฟัง และแสดงข้อคิดเห็นแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งนักศึกษาได้เรียนรู้และเข้าใจถึงกระบวนการเลือกตั้ง ส.ส. ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2554 เป็นครั้งแรกด้วย

ทั้งนี้การเลือกตั้ง ส.ส. มีความสำคัญต่อคนไทยทุกคน ที่ต้องไปทำหน้าที่ เพื่อมอบอำนาจอธิปไตยของเราโดยการเลือกผู้แมนไปทำหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์ และดูแลทุกข์สุขของประชาชน รวมถึงบริหารงบประมาณและทรัพยากรต่าง ๆ ของประเทศชาติ ดังนั้น การเลือกตั้ง ส.ส. ที่เป็น “คนดี มีความสามารถ” มีความซื่อสัตย์เห็นแก่ประโยชน์ส่วนร่วมของประชาชน ให้เข้าไปทำงานในบ้านเมือง เพื่อทำให้สามารถใช้ทรัพยากรและงบประมาณของแผ่นดิน ที่มาจากภาษีของประชาชนไปพัฒนาประเทศชาติ ได้อย่างเต็มที่ต่อไป