ศูนย์ข่าวภูเก็ต- เตือนนักท่องเที่ยวเล่นน้ำหาดในหาน-ในทอน ภูเก็ต ระวังแมงกะพรุนไฟ หลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบถูกคลื่นมรสุมซัดเกยตื้นบริเวณชายหาดจำนวนมาก เผย เป็นครั้งแรกที่ทะเลฝั่งอันดามันพบแมงกะพรุนชนิดนี้ พร้อมประสานท้องถิ่นจัดเจ้าหน้าที่ดูแลเฝ้าระวัง เตือนคนถูกแมงกะพรุนไฟอย่าขยี้แผล เพราะจะทำให้พิษกระจายตัว ระบุ การรักษาเบื้องต้นให้ใช้น้ำส้มสายชูราดที่แผลเพื่อแก้พิษ
นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน เปิดเผยว่า ขณะนี้สถาบันวิจัยฯ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหาดในหาน ต.ราไวย์ อ.เมือง และ หาดในทอน ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ว่า มีแมงกะพรุนเกยตื้นบริเวณชายหาด
หลังได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างไว้ตรวจสอบ พบว่า แมงกะพรุนที่พบบริเวณชายหาดดังกล่าวเป็นแมงกะพรุนแบบมีพิษในกลุ่ม Hydrozoa วงศ์ Physalidae ชนิด Physalia sp. ชื่อภาษาอังกฤษ คือ Portuguese Man O’War หรือ Blue bottle ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของแมงกะพรุนไฟ โดยพบได้ทั่วไปในเขตน้ำอุ่น และมีรายงานพบบ่อยในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งฝั่งทะเลอันดามัน มีรายงานการพบแมงกะพรุนชนิดนี้เป็นครั้งแรก และเชื่อว่าน่าจะพบกระจายไปทั่วทุกหาดในพื้นที่ภูเก็ต
ขณะนี้ทางสถาบันได้ทำหนังสือแจ้งประสานไปยังจังหวัดภูเก็ตและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภูเก็ต และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตในการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่ลงเล่นน้ำบริเวณชายหาดต่างๆ ให้ระมัดระวังอย่าไปโดน หรือสัมผัสแมงกะพรุนดังกล่าว ซึ่งสังเกตได้ง่ายจะเป็นแมงกะพรุนที่มีลักษณะสีฟ้าสดใส เพราะถ้าโดนหรือสัมผัสจะได้รับอันตรายจากพิษของแมงกะพรุนได้ แม้แต่ตัวที่ตายแล้วก็ยังมีพิษอยู่
การสัมผัสกับแมงกะพรุนดังกล่าว จะทำให้เกิดการบาดเจ็บได้หลายระดับขึ้นอยู่กับแต่ละคน ตั้งแต่อาการแสบคันจนถึงปวดแสบปวดร้อน ในกรณีที่มีอาการรุนแรงทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นนั้น ให้นำผู้บาดเจ็บขึ้นจากน้ำและใช้วัสดุแข็ง เช่น กระดาษ บัตร ไม้ เขี่ยหนวดออกจากบริเวณที่สัมผัส ห้ามใช้มือสัมผัสโดยตรงเด็ดขาด จากนั้นราดผ่านด้วยน้ำทะเล หรือน้ำส้มสายชู รอดูอาการ หากมีอาการรุนแรงให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล และผู้ที่ถูกพิษแมงกะพรุนดังกล่าวอย่างขยี้บริเวณที่ถูกพิษ เพราะจะทำให้พิษกระจายได้
อย่างไรก็ตาม นายวรรณเกียรติ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ที่โดนพิษของแมงกะพรุนจนบาดเจ็บสาหัส หรือเสียชีวิต ส่วนสาเหตุที่มีการพบแมงกะพรุนดังกล่าวค่อนข้างมากในระยะนี้ เนื่องจากเป็นช่วงนี้เป็นช่วงมรสุม มีลมพัดเข้าฝั่ง ทำให้แมงกะพรุนที่ลอยไปตามน้ำและเป็นแมงกะพรุนที่พบในน้ำถูกคลื่นซัดมาเกยตื้นชายฝั่งได้