ศูนย์ข่าวภูเก็ต-ผบ.เรือนจำภูเก็ตขู่คนลักลอบส่งโทรศัพท์มือถือให้ผู้ต้องขังในเรือนจำ ถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับหมดแน่ เผยตั้งแต่ 1 -20 พ.ค 54 ตรวจยึดได้แล้วกว่า 30 เครื่อง พบมีวิธีส่งทุกรูปแบบ พร้อมระบุผู้ต้องขังในเรือนจำภูเก็ตกว่า 80% เป็นคดียาเสพติด
นายระพินทร์ นิชานนท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการเฝ้าระวังป้องกันการลักลอบส่งโทรศัพท์มือถือให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดภูเก็ต ว่า ขณะนี้ยังมีการลักลอบส่งโทรศัพท์เข้ามาในเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้กับผู้ต้องขังเป็นระยะๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบมาโดยตลอดเฉลี่ยวันละประมาณ 1-2 เครื่อง
ตั้งแต่วันที่ 1-20 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตรวจยึดโทรศัพท์ที่มีการลักลอบโยนข้ามกำแพงด้วยวิธีการต่างๆ และการจู่โจมตรวจค้นในเรือนนอนของผู้ต้องขังแล้วประมาณ 30 เครื่อง โดยก่อนหน้าที่ก็มีการตรวจยึดได้เป็นระยะ รวมแล้วตั้งแต่เดือนมี.ค.จนถึงขณะนี้ไม่น้อยกว่า 50 เครื่อง
นายระพินทร์ กล่วต่อไปว่า สำหรับเพื่อน หรือญาติที่ลักลอบส่งโทรศัพท์มือถือเข้ามาในเรือนจำนั้นขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งหลักฐานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหมดแล้ว เชื่อว่าหลังจากผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานออกมาเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมได้แน่นอน
"ขอเตือนไว้ว่า อย่าพยายามลักลอบส่งโทรศัพท์ให้กับผู้ต้องขังโดยเด็ดขาด เพราะสุดท้ายโทรศัพท์ที่ลักลอบส่งเข้ามาในเรือนจำ ผู้ต้องขังไม่ได้ใช้แน่นอน และส่วนใหญ่ก็จะถูกตรวจพบก่อนที่จะถึงมือผู้ต้องขังด้วย และหากตรวจพบว่ามีผู้ต้องขังรายใดลักลอบใช้โทรศัพท์มืออถือทางเรือนจำก็จะนำตังส่งไปกักขันที่เรือนจำเขาบิน ซึ่งเป็นเรือนจำความมั่นคงการเดินทางไปเยี่ยมก็ลำบาก"
นายระพินทร์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับวิธีการลักลอบส่งโทรศัพท์มือถือเข้าไปในเรือนจำมีหลายรูปแบบ ทั้งที่นำใส่ในวัสดุต่างๆ เช่น หมอน กล่องกระดาษ กล่องไม้ ตัวหนู โยนข้ามกำแพงเรือนจำ นอกจากนั้น ยังมีการลักลอบบรรจุในอุปกรณ์ต่างๆ ที่ญาตินำมาเยี่ยมผู้ต้องขัง ทั้งกระป๋องแป้ง ขวดสบู่อาบน้ำ ขวดยาสระผม และการส่งทางไปรษณีย์โดยนำบรรจุในหนังสือธรรมะบ้าง หนังสือเรียนบ้าง แต่ทุกครั้งก็จะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจพบและตรวจยึดได้ก่อนที่จะถึงมือผู้ต้องขัง
เบื้องต้นเชื่อว่าก ลุ่มที่ลักลอบส่งโทรศัพท์มือถือเข้าไปในเรือนจำ น่าจะเป็นกลุ่มผู้ต้องขังที่ต้องการนำโทรศัพท์มือถือมาใช้ติดต่อในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ต้องหาในกลุ่มยาเสพติดที่มีมากถึงร้อยละ 80 จากจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด
