ศูนย์ข่าวภูเก็ต - คณะกรรมการอิสลามภูเก็ตร้องขอความเป็นธรรมหลังสตง.ทำหนังสือถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภูเก็ตแจ้งเรียกเงินเงินอุดหนุนในพิธีละศีลของชาวไทยมุสลิมคืน
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (12 พ.ค.) ที่โรงเรียนมุสลิมวิทยา ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต จ.ส.ต.โกมล ดุมลักษณ์ คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และรองประธานมูลนิธิมุสลิมวิทยาภูเก็ต พร้อมด้วยอิหม่ามในมัสยิดต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณีมีการ ทำหนังสือเรียกเงินอุดหนุนท้องถิ่นกรณีที่ใช้ในพิธีละศีลอดในเดือนรอมฎอนของพี่น้องชาวไทยมุสลิมในจังหวัดภูเก็ตคืน
โดย จ.ส.ต.โกมล กล่าวถึงการร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากตนได้รับหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากนายชาติชาย เชื้อชิต สมาชิกสภาเทศบาลตำบลรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ว่าทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้เรียกเงินคืนคลังเป็นเงินประมาณหนึ่งแสนบาทเศษที่ใช้ในโครงการส่งเสริมพิธีละศีลอดในเดือนรอมฏอน ประจำปี 2552 โดยให้เหตุผลว่าการเบิกจ่ายตามงบประมาณเป็นค่าจัดซื้อข้าวสาร อาหารสด และอาหารแห้งมอบให้มัสยิดเพื่อใช้ประกอบอาหารในพิธีละศีลอดไม่ถือเป็นการดูแลและจัดทำบริการสาธารณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือเป็นการส่งเสริมศาสนาหรือทำนุบำรุงศาสนา เนื่องจากการส่งเสริมและสนับสนุนนั้นต้องเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนศาสนาหรือกิจการของศาสนาที่ให้ประโยชน์หรืออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนโดยทั่วไป
จ.ส.ต.โกมล กล่าวต่อไปว่า การที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินทำหนังสือเวียนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตัดเงินที่ใช้สนับสนุนการประกอบพิธีละศีลอด โดยระบุว่าเป็นความเชื่อส่วนส่วนบุคคลนั้น น่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เพราะการประกอบพิธีละศีลอด ได้มีการบัญญัติไว้ในหลักปฏิบัติของศาสนาอิสลาม ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล จึงอยากให้ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ทำการวินิจฉัยใหม่ เพราะในจังหวัดภูเก็ตมีพี่น้องที่นับถือศาสนาอิสลามจำนวนถึง 35%
จ.ส.ต.โกมล กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้จะมีการหารือกับทางฝ่ายกฎหมายคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ตว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นการลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานหรือไม่ จากนั้นจะทำหนังสือไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินให้พิจารณาทบทวนว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือไม่อย่างไร เพื่อจะได้มีการแก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้อง รวมทั้งจะต้องนำเข้าหารือในคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยด้วย เพราะเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นความเข้าใจผิดของทางเจ้าหน้าที่
ด้านนายอับดุลเลาะห์ แอมิตร อิหม่ามมัสยิดบ้านแหลมพันวา ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การละศีลอดถือเป็นหลักธรรมที่ต้องปฏิบัติ 1 ใน 5 ประการ ซึ่งผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามไม่ว่าจะอยู่ที่ใดจะต้องถือปฏิบัติ และยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องความเชื่อส่วนบุคคล แต่เป็นหลักปฏิบัติทางศาสนาซึ่งถือปฏิบัติกันมาเป็นเวลายาวนาน