ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตำรวจภูเก็ตผนึกกำลังศุลกากรและด่านตรวจคนเข้าเมือง รวบแก๊งค้าโคเคนข้ามชาติคาสนามบินได้ทั้งคนไทยและ สวิส พร้อมโคเคน 6 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (11 พ.ค.) ที่ห้องประชุม สภ.เมืองภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อม พ.ต.อ.โกมล วัตราภรณ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.โชติ ชิดไชย ผู้กำกับการ สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.อ.ธีระยุทธ บุตรน้ำเพชร ผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานภูเก็ต พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ ผู้กำกับการ สภ.ท่าฉัตรไชย ว่าที่ ร.ท.ภาสกร สุระพิพิธ ผอ.ท่าอากาศยานภูเก็ต นายอนันต์ ศรีประเสริฐ นักวิชาการชำนาญการพิเศษ ด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต
ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายปีเตอร์ บัลเมอร์ อายุ 47 สัญชาติ สวิตเซอร์แลนด์ พร้อมของกลางโคเคน มีลักษณะเป็นแผ่นยางที่ดำ 2 แผ่น น้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัม กระเป๋าเดินทาง สำหรับใช้ชุกซ้อนโคเคน 1 ใบ หนังสือเดินทางสวิตเซอร์แลนด์ และ นางสาวพิมพิศา หรือ จ๋า เพียงโยธา อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 4 ต.แซร์ออ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว พร้อมของกลางโคเคน เป็นผงสีขาว น้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม โดยแจ้งข้อหานำยาเสพติดประเภท 2 โคเคนเข้ามาในราชอาณาจักรและมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
โดยการจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน สารวัตปราบปราม สภ.เมืองภูเก็ต ทำหน้าที่หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีกลุ่มนักค้ายาเสพติดลำเลียงยาเสพติดจากประเทศในแถบอเมริกาใต้เข้ามาในประเทศผ่านทางสนามบินภูเก็ต จึงได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งท่าอากาศยานภูเก็ต ด่านตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต และ สภ.ท่าฉัตรไชย วางแผนจับกุม
โดยในวันที่ 9 พ.ค.เวลาประมาณ 16.00 น.นายปีเตอร์ บัลเมอร์ ได้เดินทางมาถึงสนามบินภูเก็ต และผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นได้เดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่สายพานที่ 6 แล้วรีบเดินออกจากจุดตรวจของด่านศุลกากร เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบกระเป๋าผ่านเครื่องเอกซ์เรย์ พบมีสิ่งผิดปกติจึงขอตรวจค้น พบว่า ที่ขอบกระเป๋าทั้ง 2 ด้านมีโคเคนชุกซ้อนอยู่เป็นแผ่นบางๆ อย่างเนียบเนียน หนักแผ่นละ 2 กิโลกรัม รวม 4 กิโลกรัม
โดยโคเคนดังกล่าวหากหลุดเข้าไปจำหน่ายในตลาดในประเทศไทยโดยขายส่งจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 3 ล้านบาท (4 กิโลกรัม ประมาณ 12 ล้านบาท) แต่ถ้าจำหน่ายให้รายย่อยสามารถทำรายได้ให้ผู้ขายได้สูงถึงกิโลกรัมละ 5 ล้านบาท
จากการสอบถามนายปีเตอร์บอกว่า อยู่ในประเทศไทยมาแล้วประมาณ 4-5 ปี พูดและฟังภาษาไทยได้บางเล็กน้อย มีภรรยาอยู่ที่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ก่อนถูกจับได้รับการว่าจ้างให้เดินทางไปรับยาเสพติดจากประเทศแถบอเมริกาใต้ มาส่งที่จังหวัดภูเก็ต ได้รับค่าจ้างประมาณ 2 แสนบาท ซึ่งการตัดสินใจรับจ้างขนยาเสพติดในครั้งนี้เนื่องจากมีปัญหาทางด้านการเงินไม่พอใช้ จึงถูกจับกุมในที่สุด
ต่อมาในวันที่ 10 พ.ค.เวลาประมาณ 23.00 น.เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัว นางสาวพิมพิศา เพียงโยธา พร้อมของกลางโคเคน 2 กิโลกรัม ที่สนามบินภูเก็ต หลังจากได้รับแจ้งจากสายลับที่อยู่ในต่างประเทศ ว่า นางสาวพิมพิศา เป็นผู้ที่เดินทางไปรับยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางสนามบินภูเก็ต เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนจับกุม เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินภูเก็ต นางสาวพิมพิศา ได้ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง และได้เดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางที่สายพานที่ 6
จากนั้นจึงได้เดินมายังจุดตรวจด่านศุลกากรเจ้าหน้าที่จึงขอตรวจกระเป๋าด้วยเครื่องเอกซเรย์ พบมีโคเคนซุกอยู่ในกระเป๋าเดินทางจำนวน 2 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัว
นางสาวพิมพิศา ให้การว่า ได้รับข้อเสนอของเพื่อนชาวต่างชาติชื่อนายไมท์ ให้เดินทางไปเที่ยวประเทศบราซิล โดย นายไมท์ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ โดยตนจะได้รับค่าตอบแทนเมื่อนำยาเสพติดมาถึงกรุงเทพฯ และจะมีกลุ่มเครือข่ายของนายไมท์มารับยาเสพติดในกระเป๋าไปเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยาเสพติดที่ นางสาวพิมพิศา ขนมา ซึ่งเป็นลักษณะผงนั้น สามารถนำไปเสพเข้าสู่รางกายได้ทันที ราคาขายส่งในกรุงเทพฯจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 3.5-4 ล้านบาท แต่หากนำมาขายรายย่อยสามารถทำรายได้ถึงกิโลกรัมละ 6.5 ล้านบาท ส่วนชนิดที่เป็นสีดำ ราคาขายส่งจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 3 ล้านบาท หากขายให้รายย่อยอยู่ที่กิโลกรัมละ 5 ล้านบาท