ศูนย์ข่าวภูเก็ต- นักลงทุนจากจีนเสนอตัวลงทุนรถไฟฟ้ารางเบาที่ภูเก็ตแล้วหลายบริษัท รายล่าสุดโอนเงินเข้าไทยแล้ว 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมลงทุนหากจังหวัดไฟเขียว
นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเชิญนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาลงทุนโครงการรถไฟฟ้ารางเบาจังหวัดภูเก็ต เส้นทางสนามบิน-ตัวเมืองภูเก็ต และเส้นทางสนามบิน-ศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต ว่า วันนี้(9 พ.ค.) ตัวแทนจากบริษัท ทีแอลเค เรียลลิตี้ คอนสทรัทชั่น จำกัด ได้เข้าหารือเสนอตัวเข้ามาลงทุนโครงการรถไฟฟ้ารางเบาที่ภูเก็ต
ทั้งนี้ โครงการลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบาที่ภูเก็ต ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจีนหลายบริษัทที่เข้ามาติดต่อกับจังหวัด และหลายๆบริษัทต้องการที่จะทำสัญญาผูกพันให้จังหวัดลงนามให้เป็นผู้ลงทุนในโครงการ แต่จังหวัดเห็นว่าสัญญาดังกล่าวจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้เสียเปรียบ และไม่มีความชัดเจนในเรื่องของระยะเวลาการลงทุน จึงยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกบริษัทใดเข้ามาศึกษาลงทุน อย่างไรก็ตาม จังหวัดก็ได้ประกาศให้นักลงทุนทราบแล้วว่าจะเลือกบริษัทที่มีความพร้อมที่สุด ซึ่งขณะนี้จังหวัดได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาเลือกบริษัทที่จะเข้ามาลงทุนเพื่อเสนอยังไปยังรัฐบาลแล้ว
นายตรี กล่าวว่า สำหรับบริษัท ทีแอลเค เรียลลิตี้ คอนสทรัทชั่น จำกัด อีกหนึ่งบริษัทที่เสนอตัวเข้ามาลงทุนโครงการรถไฟฟ้ารางเบา ตัวแทนบริษัทได้แจ้งให้ทราบว่า พร้อมที่จะเข้ามาลงทุน ซึ่งขณะนี้ผู้ร่วมลงทุนจากประเทศจีนได้โอนเงินจำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐเข้ามาประเทศไทยแล้ว เพื่อลงทุนโครงการรถไฟฟ้า โดยตัวแทนบริษัทดังกล่าวขอเวลา 15 วันในการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากผลการศึกษาที่จังหวัดเคยดำเนินการไว้แล้ว หลังจากนั้นก็จะนำผู้ลงทุนและวิศวกรของบริษัทมาหารืออีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้บริษัทลงนาม MOU ให้บริษัทเป็นผู้ลงทุนโครงการรถไฟฟ้าที่ภูเก็ต
“รายล่าสุด จังหวัดได้แจ้งให้ทราบแล้วว่า ความต้องการอันดับแรกของรถไฟฟ้าทีภูเก็ต จะต้องเป็นเส้นทางสนามบินภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง และภายหลังจากที่มีศูนย์ประชุมฯเกิดขึ้นที่ไม้ขาว จังหวัดต้องการที่จะให้ลงทุนเพิ่มในเส้นทางสนามบินภูเก็ต-ศูนย์ประชุมฯเพื่อรองรับศูนย์ประชุมฯที่สร้างแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.2556” นายตรี กล่าวและว่า
สำหรับเงินลงทุนในเส้นทางสนามบินภูเก็ต-ห้าแยกฉลอง จากผลการศึกษาใช้เงินลงทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท และเส้นทางจากสนามบินภูเก็ต-ศูนย์ประชุม ระยะทาง 10 กว่ากิโลเมตร คาดว่า จะต้องใช้เงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองเส้นทางประมาณการว่าจะต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท