ยะลา - ฝ่ายความมั่นคง สั่งเฝ้าติดตามค้นหา รถ จยย.ประกอบระเบิด เตรียมก่อเหตุในเขตเมืองยะลา ขณะที่ จนท.ทหารทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุระเบิดรถของ จนท.ทหาร เป็นเหตุให้ เสียชีวิต 3 นาย เจ็บ 3 นาย เป็นฝีมือของกลุ่ม “นายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรือ ไอ้เปเล่”
วันนี้ (8 พ.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น. ศูนย์วิทยุกุนชร หน่วยเฉพาะกิจที่ 11 อ.เมืองยะลา ได้กระจายข่าว คำสั่งของฝ่ายความมั่นคงทางทหาร ได้รับทราบว่า กลุ่มคนร้ายในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา ได้นำรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สแมช สีดำ ไม่ทราบหมวดอักษรและจังหวัด ถูกประกอบเป็นระเบิด จักรยานยนต์บอมบ์ เพื่อเตรียมนำมาก่อเหตุในเขตเทศบาลนครยะลา จึงได้แจ้งเตือนให้ เจ้าหน้าที่ทหาร กำลังประชาชน ชุมชนเข้มแข็ง และประสานหน่วยงานตำรวจ ฝ่ายปกครอง ให้มีการเฝ้าระวัง และตรวจสอบเข้ม รถจักรยานยนต์รุ่นดังกล่าว ที่เข้ามายังเขตเมืองยะลา อย่างละเอียดทุกคัน
ส่วนความคืบหน้ากรณี คนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร ชุดร้อย ร.15223 ฉก.12 อ.รามัน เหตุเกิดบนถนนสายซาเมาะ-รามัน บริเวณรอยต่อบ้านจำปูน ม.6 ต.ท่าธง กับ บ้านเจาะลีมัส ม.4 ต.อาซ่อง อ.รามัน เป็นเหตุให้ ร.ต.อุบล หนูเอียด อายุ 48 ปี หัวหน้าชุด จ.ส.อ.ผล หวานวงศ์ อายุ 48 ปี และ พลทหาร อนุวัฒน์ เพชรงาม อายุ 22 ปี เสียชีวิตคาที่ และ ส.อ.เฉลิมรัช ธนาพงศ์ อายุ 30 ปี และ พลทหารสุบิน เอียดเรือง อายุ 22 ปี บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา นั้น ทางหน่วยเฉพาะกิจยะลา ได้กำหนดพิธีรดน้ำศพผู้เสียชีวิต ที่ วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง เทศบาลนครยะลา ในเวลา 10.00 น.
สำหรับอาการบาดเจ็บของ ส.อ.เฉลิมรัช ธนาพงศ์ ขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยมีบาดแผลแผลจากสะเก็ดระเบิดที่แขน และลำตัว ส่วน พลทหาร สุบิน เอียดเรือง ยังมีอาการสาหัสอยู่เนื่องจากถูกสะเก็ดระเบิด ที่บริเวณศีรษะและลำตัว จำนวนหลายจุด แพทย์ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
สำหรับการติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ นั้น เจ้าหน้าที่ทหาร ทราบว่า เป็นฝีมือของ นายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรือ ไอ้เปเล่ แกนนำคนสำคัญ ที่มีการเคลื่อนไหวในพื้นที่เขตรอยต่อ ต.อาซ่อง ท่าธง และ ต.กอตอตือระ ที่นำกำลังกว่า 10 คน มาก่อเหตุในครั้งนี้ กำลังหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 41 สนธิกำลังกับ หน่วยเฉพาะกิจ 12 อ.รามัน กว่า 50 นาย ออกติดตามไล่ล่า กลุ่มคนร้าย ซึ่งคาดว่า ยังกบดานอำพรางตัวกับชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังพบว่า จากการปะทะกัน ฝ่ายกลุ่มคนร้ายมีอาการบาดเจ็บอยู่ด้วย เพราะตรวจสอบที่เกิดเหตุพบมีรอยเลือดหยดเป็นทางเข้าป่า โดยให้ฝ่ายตำรวจ สะกดรอยเฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบยังสถานอนามัยประจำตำบลอย่างละเอียดด้วย
วันนี้ (8 พ.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น. ศูนย์วิทยุกุนชร หน่วยเฉพาะกิจที่ 11 อ.เมืองยะลา ได้กระจายข่าว คำสั่งของฝ่ายความมั่นคงทางทหาร ได้รับทราบว่า กลุ่มคนร้ายในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา ได้นำรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สแมช สีดำ ไม่ทราบหมวดอักษรและจังหวัด ถูกประกอบเป็นระเบิด จักรยานยนต์บอมบ์ เพื่อเตรียมนำมาก่อเหตุในเขตเทศบาลนครยะลา จึงได้แจ้งเตือนให้ เจ้าหน้าที่ทหาร กำลังประชาชน ชุมชนเข้มแข็ง และประสานหน่วยงานตำรวจ ฝ่ายปกครอง ให้มีการเฝ้าระวัง และตรวจสอบเข้ม รถจักรยานยนต์รุ่นดังกล่าว ที่เข้ามายังเขตเมืองยะลา อย่างละเอียดทุกคัน
ส่วนความคืบหน้ากรณี คนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร ชุดร้อย ร.15223 ฉก.12 อ.รามัน เหตุเกิดบนถนนสายซาเมาะ-รามัน บริเวณรอยต่อบ้านจำปูน ม.6 ต.ท่าธง กับ บ้านเจาะลีมัส ม.4 ต.อาซ่อง อ.รามัน เป็นเหตุให้ ร.ต.อุบล หนูเอียด อายุ 48 ปี หัวหน้าชุด จ.ส.อ.ผล หวานวงศ์ อายุ 48 ปี และ พลทหาร อนุวัฒน์ เพชรงาม อายุ 22 ปี เสียชีวิตคาที่ และ ส.อ.เฉลิมรัช ธนาพงศ์ อายุ 30 ปี และ พลทหารสุบิน เอียดเรือง อายุ 22 ปี บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา นั้น ทางหน่วยเฉพาะกิจยะลา ได้กำหนดพิธีรดน้ำศพผู้เสียชีวิต ที่ วัดพุทธภูมิ พระอารามหลวง เทศบาลนครยะลา ในเวลา 10.00 น.
สำหรับอาการบาดเจ็บของ ส.อ.เฉลิมรัช ธนาพงศ์ ขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยมีบาดแผลแผลจากสะเก็ดระเบิดที่แขน และลำตัว ส่วน พลทหาร สุบิน เอียดเรือง ยังมีอาการสาหัสอยู่เนื่องจากถูกสะเก็ดระเบิด ที่บริเวณศีรษะและลำตัว จำนวนหลายจุด แพทย์ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
สำหรับการติดตามกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ นั้น เจ้าหน้าที่ทหาร ทราบว่า เป็นฝีมือของ นายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรือ ไอ้เปเล่ แกนนำคนสำคัญ ที่มีการเคลื่อนไหวในพื้นที่เขตรอยต่อ ต.อาซ่อง ท่าธง และ ต.กอตอตือระ ที่นำกำลังกว่า 10 คน มาก่อเหตุในครั้งนี้ กำลังหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 41 สนธิกำลังกับ หน่วยเฉพาะกิจ 12 อ.รามัน กว่า 50 นาย ออกติดตามไล่ล่า กลุ่มคนร้าย ซึ่งคาดว่า ยังกบดานอำพรางตัวกับชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังพบว่า จากการปะทะกัน ฝ่ายกลุ่มคนร้ายมีอาการบาดเจ็บอยู่ด้วย เพราะตรวจสอบที่เกิดเหตุพบมีรอยเลือดหยดเป็นทางเข้าป่า โดยให้ฝ่ายตำรวจ สะกดรอยเฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบยังสถานอนามัยประจำตำบลอย่างละเอียดด้วย