ตรัง - น้ำตกสายรุ้ง และน้ำตกไพรสวรรค์ ของ จ.ตรัง บรรยากาศเงียบเหงา แม้จะผ่านพ้นโศกนาฏกรรมน้ำป่าถล่มจนคร่าชีวิตนักท่องเที่ยวไปถึง 38 ศพมา 4 ปีแล้วก็ตาม พ่อค้าแม่ค้าร้องหน่อยงานที่เกี่ยวข้องเข้าฟื้นฟู
บรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2554 ซึ่งมีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน และวันนี้ (14 เม.ย.) ตรงกับวันครอบครัว หลายครอบครัวพากันเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จำนวนมาก ส่งผลให้คึกคัก แต่ที่น้ำตกสายรุ้ง และน้ำตกไพรสวรรค์ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ใน อ.ย่านตาขาว แต่เมื่อวันที่ 14 เม.ย.2550 ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันสงกรานต์เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ได้เกิดโศกนาฏกรรมน้ำป่าถล่มจนคร่าชีวิตนักท่องเที่ยวไปถึง 38 ศพ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประปรายเท่านั้น ส่งผลให้บรรยากาศวันครอบครัวเป็นไปอย่างเงียบเหงา
นางเอมอร เหลาะเหม อายุ 37 ปี นักท่องเที่ยวจาก จ.สงขลา กล่าวว่า รู้จักน้ำตกสายรุ้งในช่วงที่เกิดน้ำป่ามีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตจำนวนมากจากทางสื่อ และเมื่อมีวันหยุดยาวหลายวันจึงตัดสินใจเลือกมาเที่ยวน้ำตกสายรุ้งเป็นที่แรกเพราะอยากจะมาดูสภาพของน้ำตก ซึ่งก็มีหลายคนทักท้วงเพราะยังหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกลัวซ้ำรอยเดิม แต่ตนกลับเห็นว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน หากรู้จักระมัดระวังและป้องกันตัวเองไม่มีอะไรน่ากลัวจึงพาครอบครัวมาเที่ยว และจินตนาการมาตลอดทางว่าคงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่เมื่อมาถึงกลับรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นสภาพป้ายบอกทางที่ชำรุดทรุดโทรม
อีกทั้งสภาพด้านในรกร้างเสื่อมโทรม ดูแล้วไม่ใช่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ขณะเดียวกันก็มีนักท่องเที่ยวไม่กี่คน และไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรักษาความปลอดภัย ทำให้รู้สึกเสียดายแทนคนในพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงาม และป่าไม้ที่ยังอุดมสมบูรณ์แต่กลับไม่สนใจรักษาฟื้นฟู ทั้งนี้ ต้องเริ่มจากคนในพื้นที่มีจิตสำนึก และเป็นคนกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยว โดยเชิญชวนญาติพี่น้องให้กลับมาท่องเที่ยวบ้านของตัวเอง เพื่อจะได้ดูไม่รกร้าง ซึ่งถ้าหาก อบต. อบจ. และภาคเอกชน เข้ามาร่วมกันบูรณะซ่อมแซมสภาพแวดล้อม และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เชื่อว่าไม่เกิน 1 ปีข้างหน้าจะมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมากแน่นอน
นางยุพดี เชื้อกุล อายุ 45 ปี แม่ค้าขายอาหารบริเวณน้ำตกสายรุ้ง กล่าวว่า หลังจากเกิดน้ำป่าคร่าชีวิตนักท่องเที่ยวจำนวนมาก น้ำตกแห่งนี้ถูกปล่อยทิ้งรกร้างไม่มีใครเหลียวแล ส่งผลให้ไม่มีนักท่องเที่ยว เพราะยังหวาดกลัว แต่เมื่อผ่านพ้นไป 2 ปีที่ผ่านมาก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาบ้าง ทำให้ช่วงดังกล่าวพ่อค้าแม่ค้าที่ขายอาหาร และของกินบริเวณน้ำตกมีรายได้วันละไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท ในช่วงเทศกาลต่างๆ แต่หลังจากนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับปล่อยปละละเลยไม่สนใจฟื้นฟูน้ำตก และเมื่อแม่ค้าร้องขอให้จัดส่งเจ้าหน้าที่วันละ 2 คน มารักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวบริเวณน้ำตก ก็เพียงรับปากเฉยๆ
ทั้งที่พ่อค้าแม่ค้ารับปากจะดูแลเรื่องอาหารการกินให้ แต่ก็ไม่ยอมมา ทำให้เมื่อนักท่องเที่ยวมาเห็นสภาพที่สกปรกและรกร้าง ต้องรีบเดินทางกลับในทันที แต่พอชาวบ้านจะพัฒนา เจ้าหน้าที่กลับไม่ยินยอม ล่าสุดชาวบ้านทนไม่ไหว รวมตัวกันตัดหญ้าที่รก และเก็บกวาดทำความสะอาดสถานที่ โดยใช้เงินส่วนตัว เพื่อต้องการให้บรรยากาศการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักเหมือนที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวน้อยกว่าปีที่แล้ว ทำให้ช่วง 3 วันที่ผ่านมา ตนยังขายอาหารไม่ได้ จึงอยากเรียกร้องให้จังหวัดเข้ามาแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อให้สภาพน้ำตกและบรรยากาศท่องเที่ยวดีกว่านี้